อัปเดตกลเม็ด Scam: รู้ทันก่อนเงินเก็บทั้งปีจะหายวับไปกับมิจฉาชีพ

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

อัปเดตกลเม็ด Scam: รู้ทันก่อนเงินเก็บทั้งปีจะหายวับไปกับมิจฉาชีพ

Date Time: 25 ธ.ค. 2568 16:42 น.

Video

อวสานกองเอกสารหุ้น! รู้จัก TSD e-Document สมัครฟรี! ยุคนี้ใครไม่มี ระวังเอาต์ | Money Issue EP.40

Summary

Thairath Money ขออัปเดต 6 กลโกงในแต่ละรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเรา และคนรอบข้างต้องเสียเงินไปให้มิจฉาชีพ

Latest


มาถึงสิ้นปี 2568 หลายคนเก็บเงินมาตลอด และวางแผนใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ แต่บรรยากาศแห่งความสุขนี้อาจสุขไม่สุด ถ้าแก๊งสแกมเมอร์ยังตั้งมั่นทำงานเพื่อชิงเงินไปจากกระเป๋าของเรา ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้คนรอบข้างต้องเสียเงินไปให้มิจฉาชีพ Thairath Money ขออัปเดตกลโกงในแต่ละรูปแบบ และวิธีรับมือมาไว้ในบทความนี้แล้ว 

ปี 2568 คนไทยถูกโกงมากแค่ไหน?

มิจฉาชีพไม่ได้มีแค่แก๊งสแกมเมอร์ แต่การหลอกลวงออนไลน์ยังมีหลายรูปแบบและเกิดความเสียหายในวงกว้าง ข้อมูลล่าสุดจาก ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) พบว่าปี 2568 (ณ 24 ธ.ค.) ความเสียหายอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในไทยพุ่ง 24,926 ล้านบาท มีการแจ้งความคดีออนไลน์ 320,342 เรื่อง เฉลี่ยแล้ววันละ 891 เรื่องต่อวัน 

ถ้าถามว่าคนไทยเจ็บจากมิจฉาชีพในเรื่องไหนมากที่สุด ถ้าจำนวนเคสเป็นเรื่อง “การหลอกลวงซื้อขายสินค้าและบริการ” ซึ่งไม่ได้หลอกเป็นขบวนการ ยอดความเสียหายต่อเคสเลยไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับ “หลอกลงทุน” หรือ “Romance Scam” ไปจนถึง “การข่มขู่ว่าทำผิดกฎหมาย” ที่ผู้เสียหายสูญเงินหลักแสนหลักล้านบาท

เช็กลิสต์ 6 กลลวงมิจฉาชีพ

1. หลอกให้ลงทุน (Investment Scam)

หลายคนที่เลื่อน Feed ในโซเชียลมีเดียอาจเห็นภาพคนที่น่าเชื่อถือ หรือการลงทุนที่ให้ตอบแทนที่สูงเกินจริง เช่น 400% ใน 1 เดือน ฯลฯ ซึ่งมิจฉาชีพจะอ้างการลงทุนไม่ว่าจะเป็นการเทรดหุ้น ทองคำ หรือคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อช่วงแรกจะโอนเงินเข้าไปก้อนเล็กๆ มิจฉาชีพอาจโอนเงินกลับมาบางส่วนเพื่อล่อหลอก แต่พอเหยื่อโอนเงินก้อนใหญ่เข้าไปก็ปิดระบบหนี บางคนก็เสียเงินหลักล้าน

ตอนนี้ยังมีมุกใหม่ คือ มิจฉาชีพสร้าง Profile ที่ดูดี เข้าไปตอบความคิดเห็นหรือชวนคุยในกลุ่ม ในเพจต่างๆ แล้วจะทักส่วนตัวไปถึงผู้เสียหาย บางเคสจะบอกว่า มาลงทุนกับบริษัท A สิ กำไรดีนะ ถ้าเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินเข้าไป ก็เกมเสียเงินไปมากมาย

วิธีรับมือ: เช็กชื่อบัญชี หรือ บริษัทที่จะโอนเงินเข้าไป ยิ่งเป็นบริษัทด้านการเงิน โบรกเกอร์หรือหลักทรัพย์ต่างๆ ต้องได้รับใบอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) 

2. ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center Scam)

แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ตำรวจ, เจ้าหน้าที่ศุลกากร, เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ฯลฯ โดยมักแจ้งว่าเหยื่อพัวพันกับคดีฟอกเงิน, มีพัสดุผิดกฎหมาย, ทำผิดกฎหมาย, หรือมีปัญหาขึ้นมา 

มิจฉาชีพกลุ่มนี้มีเทคนิคสำคัญคือ “สร้างความตื่นตระหนก” บีบให้เหยื่อไม่มีเวลาตรวจสอบ และต้องโอนเงินไปให้เพื่อ “ตรวจสอบความบริสุทธิ์” ซึ่งในความเป็นจริงหน่วยงานรัฐไม่มีนโยบายให้ประชาชนโอนเงินผ่านบัญชีส่วนบุคคลเพื่อตรวจสอบคดีอยู่แล้ว หลายเคสมิจฉาชีพยังหลอกให้กดลิงก์เพื่อดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน เมื่อเผลอเรอกดไปก็อาจถูกแฮกมือถือ และบัญชีเงินฝากได้

วิธีรับมือ: อย่ารีบ! ตั้งสติก่อนเสมอ ไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัวไปเพิ่มเติม อย่างแรกอาจเช็กว่าเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาเคยถูกรายงานว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ อย่างที่สอง ปรึกษาคนใกล้ตัว หรือ ตรวจสอบกับหน่วยงานต้นทางว่าเรื่องนั้นจริงหรือไม่และควรรับมืออย่างไร 

3. หลอกให้รักแล้วขอให้โอนเงิน (Romance Scam)

เป็นการใช้จิตวิทยาความรัก และความเชื่อใจ โดยมิจฉาชีพจะสร้าง Profile ปลอมที่ดูดี มีฐานะ เข้ามาพูดคุยจนเหยื่อเกิดความผูกพัน จากนั้นจะเริ่มขอความช่วยเหลือให้โอนเงินไปที่บัญชีของมิจฉาชีพ หรือบางเคสชักชวนให้ลงทุนในแอปพลิเคชันปลอมที่มิจฉาชีพควบคุมตัวเลขได้เอง ทำให้เหยื่อยอมโอนเงินจำนวนมากเพราะเชื่อใจคนรัก 

วิธีรับมือ: ตรวจสอบว่าคนๆ นั้นมีตัวตนจริงหรือไม่, เช็กชื่อบัญชีปลายทางว่าถูกรายงานเป็นมิจฉาชีพหรือแก๊งหลอกลวงหรือไม่ หรืออาจปรึกษาคนในครอบครัว ก่อนตัดสินใจโอนเงินไปให้คนที่ไม่รู้จัก

4. หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล (Prize Scam)

เคยไหม? ได้รับอีเมล์แจ้งว่าคุณถูกรางวัล 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่เป็นตัวอย่างที่เหล่ามิจฉาชีพจะแจ้งข่าวดีว่าคุณเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลใหญ่ เช่น เงินสด รถยนต์ หรือโทรศัพท์มือถือ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องชำระ “ค่าภาษี” “ค่าธรรมเนียม” หรือ “ค่าดำเนินการ” ก่อนจึงจะได้รับของรางวัล ซึ่งเป็นการใช้ความโลภและความดีใจของเหยื่อมาบดบังความระมัดระวัง

วิธีรับมือ: ไม่ว่าจะได้รับข้อความแบบนี้ หรือ ได้รับสายโทรศัพท์ในช่องทางใด ควรตรวจสอบ หน่วยงานต้นทางก่อนเสมอว่ามีจริงไหม หรือเป็นแค่มิจฉาชีพที่ตั้งใจหลอกลวงคุณ

5. หลอกให้โอนเงินเพื่อหารายได้พิเศษ / หลอกทำงาน (Job Scam)

เคสแบบนี้เกิดขึ้นเยอะมากในไทย มักมาในรูปแบบการชวนทำงานง่ายๆ ที่บ้าน เช่น รับจ้างแพ็คของ หรือกดรับออเดอร์สินค้า โดยอ้างว่าจะมีรายได้ดี แต่เหยื่อต้องโอนเงิน “ค่าประกันอุปกรณ์” หรือ “ค่าสมัครสมาชิก” เข้ามาก่อน ซึ่งสุดท้ายมิจฉาชีพจะหายตัวไปหลังจากได้รับเงินโอน 

วิธีรับมือ: ตรวจสอบเพจ หรือบุคคลที่ติดต่อด้วยว่ามีประวัติเป็นมิจฉาชีพ หรือเคยหลอกลวงใครหรือไม่ ก็อาจช่วยคัดกรองได้ระดับหนึ่ง

6. ลิงก์ดูดเงิน (Phishing Link)

เป็นการส่ง SMS หรืออีเมลปลอมที่มีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ปลอม (Visual Mimicry) ที่หน้าตาเหมือนธนาคารหรือหน่วยงานรัฐ เพื่อหลอกให้เหยื่อกรอกข้อมูลส่วนตัว รหัสผ่าน หรือรหัส OTP ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่มิจฉาชีพจะนำไปใช้ในการโอนเงินออกจากบัญชีผ่านแอปฯ ธนาคารของเหยื่อโดยตรง 

นอกจากนี้ยังมีเคสที่เพิ่งเกิดขึ้นคือ บริษัทถูกแฮกช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า และมิจฉาชีพจึงส่งลิงก์ปลอมไปในรายชื่อลูกค้า เรื่องนี้ทำให้คนตระหนักว่าก่อนจะกดลิงก์อะไรในช่องทางออนไลน์ ต้องเช็กก่อนเสมอ

ในกรณีที่พลาดท่าโอนเงินไปแล้ว ยิ่งต้องตั้งสติให้เร็วที่สุด! สิ่งแรกที่ต้องทำคือโทรแจ้ง สายด่วน AOC 1441 หรือโทรหาธนาคารเจ้าของบัญชีของคุณเพื่อ “ระงับบัญชีปลายทาง” ทันที (สามารถทำได้ก่อนแจ้งความภายใน 72 ชม.) จากนั้นรวบรวมหลักฐาน แชต สลิปโอนเงิน และลิงก์ที่เกี่ยวข้อง ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ รวมถึงส่งเรื่องให้กับทางธนาคารเพื่ออายัดบัญชีต่อเนื่องจาก 72 ชม. แรก

แม้การตามเงินที่โอนให้มิจฉาชีพไปจะไม่ง่ายนัก แต่การแจ้งความอาจช่วยให้ตำรวจ และธนาคารดักจับเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพเหล่านั้น รวมถึงจับมาลงโทษตามความผิดที่ก่อไว้

อ้างอิงข้อมูล: ธปท., ก.ล.ต., AOC


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ