เศรษฐกิจไม่ดี/บริษัทไทยลดการจ้าง? เมื่อคนอายุ 30, 40 ปีขึ้นไปอาจหางานยากขึ้น วางแผนเรื่องเงินยังไง

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เศรษฐกิจไม่ดี/บริษัทไทยลดการจ้าง? เมื่อคนอายุ 30, 40 ปีขึ้นไปอาจหางานยากขึ้น วางแผนเรื่องเงินยังไง

Date Time: 24 ธ.ค. 2568 17:31 น.

Video

Broadcom ทำธุรกิจแบบไหน? ถึงกลายเป็น “ผู้ควบคุมนวัตกรรม” แห่งยุค AI | Digital Frontiers EP.49

Summary

“อายุ” สำคัญแค่ไหนสำหรับการหางานในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน อายุที่มากขึ้นกลายเป็นความเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้างไหม? แล้วเราต้องวางแผนชีวิตยังไงเพื่อรับมือความไม่แน่นอนต่างๆ


Latest


“รับสมัครงาน อายุไม่เกิน 35 ปี”

ประกาศรับพนักงานที่ “จำกัดอายุ” เห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย นี่อาจเป็นสาเหตุที่หลายคนไม่กล้าเปลี่ยนสายงาน หรือคิดมากเวลาจะเปลี่ยนงานสักที แต่ในอีกทางวัย 30 ปีไปจนถึง 40+ เป็นกลุ่มคนที่มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญในงาน ก็เป็นสิ่งบริษัทต้องการเช่นกัน

เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามว่า “อายุ” สำคัญแค่ไหนสำหรับการหางานในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน อายุที่มากขึ้นกลายเป็นความเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้างไหม? แล้วเราต้องวางแผนชีวิตยังไงเพื่อรับมือความไม่แน่นอนต่างๆ


ยิ่งอายุมาก โอกาสยิ่งน้อยลง?

ถ้าเราเปิดตามเว็บไซต์จะเห็นประกาศรับสมัครงานที่อายุไม่เกิน 35 ปี ส่วนใหญ่จะเป็นระดับคนทำงาน หรือ ระดับปฏิบัติการ หลายคนเลยบอกว่า อายุ อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่อยู่ที่ ความเชี่ยวชาญ สายงาน และความต้องการของตลาดมากกว่า

แต่จากข้อมูลวิจัย The Midcareer Opportunity ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) พบว่า ยิ่งอายุเยอะ นายจ้างมีแนวโน้มจะรับมาทำงานน้อยกว่าโดยเฉพาะผู้สมัครงานตั้งแต่ช่วงอายุ 45 ปี ขึ้นไป โดยช่วงอายุที่นายจ้างจะรับมาทำงานน้อยที่สุดคือ ช่วงวัย 55 - 65 ปีอยู่ที่ กว่า 13% ของกลุ่มตัวอย่าง รองลงมาคือวัย 45 - 54 ปี อยู่ที่ 35%

เรียกว่าเป็นข่าวดีได้ไหม เมื่อช่วงอายุ 30 - 44 ปี ตามข้อมูลแล้วนายจ้างอยากจ้างมาทำงานมากที่สุดอยู่ที่ 47% รองลงมาคือ ช่วงอายุ 20 - 29 ปี อยู่ที่ 39% โดยเชื่อว่ากลุ่มอายุ 30 - 44 ปี จะสามารถปรับตัวกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น และนำประสบการณ์ที่มีมาสร้างแนวทางการทำงานใหม่ๆ ได้มากกว่ากลุ่มอายุ 45 ปี ขึ้นไป


เมื่อไทยเศรษฐกิจไม่ดี บริษัทไม่จ้าง “พนักงานประจำ”

ในเคสประเทศไทย ที่เศรษฐกิจชะลอการเติบโต และหลายคนมองว่าขาลง จนทำให้คนส่วนใหญ่จนลงไปด้วย และรู้สึกว่าใช้ชีวิตอยู่บนความไม่มั่นคง ใครมีงานประจำอยู่ยิ่งต้องกอดให้แน่น ซึ่งหลายฝ่ายต่างจับตาว่าจะเกิดคลื่นเลิกจ้างครั้งใหญ่ในปี 2569 หรือไม่ (เพราะปีนี้ข่าวเลิกกิจการ เลิกจ้างก็เกิดขึ้นมากเหลือเกิน)

แต่งานไม่ใช่แค่ฝั่งเราที่เลือกทำ องค์กรต้องพร้อมจะจ้างต่อด้วย ฝั่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยว่า เทรนด์การจ้างงานในไทยกำลังเปลี่ยนไป ปี 2568 นี้ ด้วยเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง จนหลายบริษัทจึงปรับรูปแบบการจ้างงาน จากผลสำรวจ (Jobsdb) พบว่าองค์กรทุกขนาดโดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบการจ้างงานปี 2567 กับปี 2565 เจอเลยว่า สัดส่วนพนักงานสัญญาจ้าง/พนักงานชั่วคราวไม่เต็มเวลา เพิ่มขึ้นเป็น 28% จากก่อนหน้าอยู่ที่ 4% และสัดส่วนพนักงานประจำไม่เต็มเวลาเพิ่มขึ้น เป็น 42% จากช่วงก่อนหน้าที่อยู่ 6%

ช่วงที่ผ่านมายังมีข่าวการ Early Retire หรือโครงการสมัครใจเกษียณก่อนอายุ 60 ปีจากองค์ใหญ่ๆ มากมาย อย่างธนาคารกสิกรไทย ที่เปิดให้คนอายุ 45 ปีขึ้นไป สมัครเข้าโครงการก็กลายเป็นที่พูดคุยในวงกว้างว่า องค์กรต่างๆ มีมุมมองอย่างไรต่อวัยทำงานกลุ่มนี้

แล้วทำไม วัย 40+ อาจหางานใหม่ได้ยากขึ้น เรามี 4 ข้อสังเกตมาชวนพูดคุยกัน

1. Hiring Bias นายจ้างฝังใจว่าคนรุ่นใหญ่ "สอนยาก-เรียนช้า" ไม่ทัน AI หรือโปรแกรมใหม่ๆ

2. Salary Deadlock ยิ่งอยู่นานเงินเดือนยิ่งสูง เมื่อเทียบกับเด็กจบใหม่ที่ทำงานคล้ายกันได้ในราคาถูกกว่า บริษัทมักเลือก "ลดต้นทุน" มากกว่า "ซื้อประสบการณ์"

3. Hierarchy Gap: หัวหน้ายุคใหม่ (Gen Z/Y) มักลำบากใจที่จะต้องมาคุมลูกน้องรุ่นพี่ เพราะติดวัฒนธรรมเกรงใจแบบไทยๆ

4. Digital Displacement แรงงานไทยรุ่นเก๋ามักกระจุกตัวในงาน Routine ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่จะถูก AI และหุ่นยนต์เข้ามาเสียบแทน

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 4 ข้อนี้อาจสะท้อน มุมมองบางส่วนของบริษัทไทยเท่านั้น เมื่อปัจจัยภายนอกในการหางานเราอาจควบคุมไม่ได้ แต่ต้องย้อนกลับมาที่ตัวเราว่าต้องวางแผนอย่างไรเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น


วางแผนการเงินฉบับ "กันเหนียว" เผื่อโดนจ้างออก หรืออยากเกษียณไว

เมื่อความไม่แน่นอน คือ ความแน่นอน ต่อให้บริษัทต้องปิดตัว หรือมีการเลิกจ้างเกิดขึ้น ชีวิตก็ต้องไปต่อ เราควรวางแผนการเงิน ในวันที่ยังมีเงินเดือนอยู่

อย่างแรก เช็ก/สร้างเงินสำรองฉุกเฉิน โดยทั่วไปเราอาจเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนอย่างน้อย 6 เดือน แต่สำหรับวัย 40+ ที่อยากจะพักผ่อนก่อนหางานใหม่ หรืออาจมีภาระหลายด้าน ควรมีอย่างน้อย 12-24 เดือน เพื่อรองรับในช่วงรอยต่อ

อย่างที่สอง จัดการพอร์ตเกษียณ เริ่มจากตรวจสอบสิทธิประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) หรือ RMF/SSF ที่เรามีว่าเพียงพอกับแผนเกษียณที่วางไว้ไหม ถ้าอยากเกษียณเร็วขึ้นตอนอายุ 45-50 ปี ต้องคำนวณเงินก้อนให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายไปอีก 30-40 ปีข้างหน้า ที่สำคัญอย่าลืมบวกเงินเฟ้อเข้าไปด้วย

อย่างที่สาม เคลียร์หนี้ให้ไวที่สุด ก่อนเข้าสู่วัยเกษียณ หนี้บ้าน หนี้รถ ต้องพยายามปิดให้จบ เพื่อลดภาระ Cash Flow รายเดือน ต้องมีสภาพคล่องให้พอรับมือเรื่องต่างๆ ในชีวิต

อย่างที่สี่ Upskill เตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง อาจหารายได้ช่องทางอื่นๆ หรือฝึกทักษะใหม่ๆ อย่ารอให้บริษัทจ้างออกแล้วค่อยมาเรียนรู้ ไม่ว่าจะเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือสกิลการขายของ ส่วนใครที่ชอบงานที่ทำอยู่ก็ควรเพิ่มทักษะ ให้พร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ไม่แน่ว่าทักษะด้านเทคโนโลยีที่คุณเริ่มเรียนในวันนี้ก็จะช่วยให้งานของคุณง่ายขึ้นด้วย

แม้งานจะเป็นเรื่องหลักในชีวิต แต่สุดท้าย “เงิน” จะเป็นตัวช่วยให้คุณรับมือเรื่องต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ต่อให้งานไม่เลือกเรา แต่ถ้าเงินยังอยู่ข้างเรา ชีวิตก็ไปต่อได้

อ้างอิง OECD, สภาพัฒน์


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ