
ถอด 7 บทเรียนการเงินจาก “Warren Buffett” ที่พ่อแม่ควรสอนลูกหลานให้ฉลาดใช้เงิน ตั้งแต่การออมไปจนถึงวิธีคิดแบบผู้ประกอบการ เพื่อสร้างรากฐานชีวิตที่มั่นคงในอนาคต
“Warren Buffett” หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อนี้โดยเฉพาะในหมู่คนลงทุน เพราะเขาคือมหาเศรษฐีระดับโลกที่ประสบความสำเร็จด้านการลงทุน และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทชื่อดังอย่าง Berkshire Hathaway
แน่นอนว่าคุณปู่วัย 95 ปีท่านนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ที่สามารถนำมาเป็นแนวทางชี้นำลูกหลานให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงโดยเฉพาะเมื่อพูดถึงเรื่องการเงินและการลงทุน ซึ่งเขามี 7 หลักคิดที่น่าสนใจและปรับใช้จริงในครอบครัว
1. ไม่มีคำว่า "เร็วเกินไป" ที่จะเรียนรู้
สิ่งหนึ่งที่คุณปู่ Buffett มักจะแนะนำบ่อย ๆ คือเราควรเริ่มสอนการเงินให้กับลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยเขาเคยให้สัมภาษณ์กับทางสำนักข่าวต่างประเทศว่า “บางครั้งพ่อแม่มักรอจนลูกเข้าช่วงวัยรุ่นก่อนค่อยเริ่มคุยเรื่องการบริหารเงิน ทั้งที่จริงๆ แล้วคุณสามารถเริ่มสอนได้ตั้งแต่อนุบาลเลย”
แม้หลายคนจะรู้ว่าสอนเรื่องเงินยิ่งเร็วยิ่งดี แต่คำถามคือ…แล้วจะสอนเรื่องการเงินให้เด็กหรือเจ้าตัวเล็กยังไง? เราเริ่มจากเรื่องง่ายๆ ให้เห็นภาพชัดเจนไปเลยว่า “เงินไม่ได้งอกออกมาจากต้นไม้” โดยอธิบายให้เด็ก ๆ ฟังว่า กว่าจะได้เงินสักบาทมาต้องแลกกับอะไรบ้าง อาจเริ่มที่ให้เด็กช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ และให้ค่าขนมเพิ่มเติม หรือเล่าถึงรูปแบบการทำงานต่างๆ ให้ฟัง การสร้างบรรยากาศให้เด็กๆ ช่วยกันทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านกระตุ้นให้เขารู้จักรับผิดชอบมากขึ้น และถ้าเริ่มสอนเรื่องเงินเร็วก็จะทำให้เข้าใจคุณค่าของเงินมากขึ้น
2. สอนให้รู้จักคุณค่าของการออม
ปู่ Buffett มักสอดแทรกเรื่องการออม และอัตราดอกเบี้ยผ่านรายการการ์ตูน Secret Millionaires Club เสมอ โดยเขากล่าวว่า “การออมเงินอย่างสม่ำเสมอแม้เพียงเล็กน้อย ก็ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า” โดยยกตัวอย่างที่เข้าใจง่าย เช่น แทนที่จะเอาเงินไปซื้อน้ำอัดลมซึ่งหนูไม่ได้ต้องการจริงๆ ลองนำไปเก็บออมในบัญชี เงินก้อนนั้นจะงอกเงยขึ้นจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า Warren Buffett ให้ความสำคัญกับการออมเงินมากแค่ไหน และอยากให้เรียนรู้ตั้งแต่วัยเด็ก ทว่าแค่คำสอนจากการ์ตูนอาจยังไม่พอ เราสามารถเปิดบัญชีออมทรัพย์ให้เด็กๆ เริ่มออมในชื่อตัวเอง หรือให้ค่าขนมรายสัปดาห์ เพื่อพวกเขาจะได้ลองบริหารเงินที่มีอยู่ในมือ ไปจนถึงสอนให้ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเพื่อให้เห็นภาพว่าใช้เงินไปกับอะไร โดยเรายังคอยดูแลและให้คำปรึกษาอยู่ห่างๆ
3. แยกแยะ “สิ่งที่จำเป็น” กับ “ความต้องการ” ให้ออก
มีคำกล่าวหนึ่งของ Buffett ที่พูดว่า “คุณไม่สามารถ ได้ทุกอย่าง ที่อยากได้” ถือเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารเงิน ซึ่งเด็กๆ ต้องเริ่มเรียนรู้ว่า สิ่งไหน “จำเป็นต้องมี” (Needs) และสิ่งไหนเป็นแค่ “ของที่อยากได้” (Wants)ฟังแล้วเรื่องนี้ทำได้ยาก ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ แต่มีแบบฝึกหัดง่ายๆ ที่เริ่มได้ทันที เช่น พ่อแม่อาจชวนลูกมาลิสต์รายการของที่อยากได้มา 5-10 อย่าง แล้วมานั่งคุยกันไปทีละข้อๆ ว่า รายการไหนคือ Need และ Want และให้เด็กๆ อธิบายเหตุผลให้พ่อแม่ฟัง เมื่อเด็กสามารถเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ มากกว่าแค่ความอยากได้ ก็อาจช่วยให้เขาใช้จ่ายอย่างประหยัด หรือวางแผนยาวๆ เพื่อสิ่งที่ต้องจำเป็นต้องมีจริงๆ ในชีวิต
นอกจากนี้ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องควักเงินในกระเป๋าเพื่อซื้อของจริงๆ อย่าลืมสอนให้ลูกรู้จักเปรียบเทียบราคา เพื่อให้พวกเขาเห็นว่าสินค้าชิ้นเดียวกันในแต่ละร้านอาจราคาไม่เท่ากัน จะได้เป็นการฝึกนิสัยให้รู้จักเลือกสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดกับเงินที่จ่ายไปเสมอ
4. พ่อแม่ต้องเป็น "ต้นแบบ" ให้กับลูก
“พ่อคือแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม ท่านเป็นฮีโร่ของผมตั้งแต่ 6 ขวบ และตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ สิ่งสำคัญที่ผมได้เรียนรู้จากท่านคือ การสร้างนิสัยที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ” ปู่ Buffett กล่าว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พ่อแม่มักเป็นไอดอลคนแรกของเด็กๆ เพราะพวกเขาเปรียบเสมือนผ้าขาวที่พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือซึมซับนิสัยของพ่อแม่ไปโดยไม่รู้ตัว
แต่การจะเป็นฮีโร่ในด้านการเงินให้ลูก เราไม่จำเป็นต้องเก่งระดับเซียน หรือรู้ไปหมดทุกเรื่อง แต่เราควรบริหารการเงินของตัวเอง และครอบครัวให้ดีที่สุด เช่น ก่อนซื้อของอาจชวนลูกเช็กราคาสินค้าก่อนซื้อ หรือชวนคุยเรื่องการจัดการเงินให้ไม่ติดลบ และเป็นตัวอย่างที่ดีโดยเฉพาะเรื่องหนี้ควรจัดการให้เรียบร้อย
5. หมั่นเติมความรู้ให้ตัวเองเสมอ
คนที่ประสบความสำเร็จที่สุด มักไม่หยุดเรียนรู้ คุณปู่ Buffett ในเวอร์ชันตัวการ์ตูนเคยกล่าวไว้ว่า “การพัฒนาตนเอง และการเรียนรู้ตลอดชีวิต คือสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน”
สิ่งที่เขาย้ำเสมอคือ “จงเรียนรู้ที่จะเรียนรู้ (Learn to learn)” โดยตัวปู่เองก็พิสูจน์คำพูดนี้ผ่านการหาข่าวสารใหม่ๆ อยู่เสมอ ผ่านการอ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับต่อวันเพื่อให้เขาสามารถเห็นสถานการณ์ต่างๆ อย่างรอบด้าน โดยเขาแนะนำว่า “อย่ากลัวที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม”
เราสามารถเริ่มปลูกฝังนิสัยนี้ได้ด้วยการสนับสนุนให้ลูกทำกิจกรรมที่สนใจหรือหาหนังสือมาให้อ่าน เพราะความกระหายใคร่รู้นี้จะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับทุกเรื่องในชีวิต รวมถึงทักษะด้านการเงินด้วย
6. จุดประกายความเป็น "ผู้ประกอบการ" ตั้งแต่เด็ก
ก่อนจะมีบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง Berkshire Hathaway นั้น ปู่ Buffett ฉายแววหัวการค้ามาตั้งแต่เด็กๆ เลย ตอนอายุ 6 ขวบก็เริ่มออกเดินขายหมากฝรั่ง และคิดวิธีสร้างกำไรแบบใหม่ๆ อย่างการซื้อโค้กแบบแพ็ก 6 กระป๋องมาแบ่งขาย เรียกว่านี่เป็น ความสนุกสนานในวัยเด็กที่สร้างทักษะในการหารายได้ และทักษะนี้ก็กลายเป็นรากฐานของชีวิต Buffett
สิ่งที่เรานำมาปรับใช้ได้ในชีวิตจริง คือ เริ่มสอนให้ลูกมองหาโอกาสทางธุรกิจจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต หรือความกล้าที่จะลองอะไรใหม่ๆ เช่น ตั้งโต๊ะขายน้ำมะนาวหน้าบ้าน, นำของไปขายที่โรงเรียน ฯลฯ ที่จะช่วยสอนให้เด็กๆ เริ่มบริการจัดการเงิน มีสกิลการขาย ไปจนถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งอาจต่อยอดเป็นการทำธุรกิจจริงในอนาคต
ในฐานะพ่อแม่ เราอาจเตรียมเงินก้อนไว้ให้ลูกค้า หรือจะสร้างพอร์ตการลงทุนขึ้นมาผ่านการออมเงินทีละเล็กทีละน้อย เพื่อถึงวันที่พร้อมส่งต่อและลูกโตพอที่จะเริ่มฝึกบริหารการเงินก็นำพอร์ตนี้ให้ลูกรู้จักลงทุน และต่อยอดสิ่งที่มีอยู่
7. พ่อแม่ควรให้ลูกอ่านพินัยกรรม ก่อนเซ็นชื่อ
เมื่อลูกเติบโตขึ้น และต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง ในฐานะของพ่อแม่ต้องเริ่มคิดเรื่องการแบ่งเงินที่มีอยู่ หรือจัดสรรมรดกให้ลงตัว ยิ่งหลายคนคงเคยเห็นข่าวลูกๆ ทะเลาะกันเพราะเรื่องพินัยกรรม ดังนั้นเพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น Warren Buffett แนะนำว่า “เมื่อลูกๆ ของเราโตขึ้นแล้ว ให้พวกเขาอ่านพินัยกรรมก่อนที่เราจะเซ็นชื่อลงไป”
เพราะปัญหาการแบ่งสมบัติ มักเกิดขึ้นหลังเจ้าตัวจากโลกนี้ไปแล้ว ดังนั้น Buffett มองว่า คุณควรเปิดใจ และเปิดพินัยกรรมให้ลูกๆ อ่านก่อนเสมอ ข้อดีคือ ตัวเราสามารถบอกเล่า ตอบข้อสงสัยของลูกๆ บอกเหตุผลที่คุณเลือกทำแบบนี้ รวมถึงอาจช่วยให้ลูกๆ เข้าใจถึงความรับผิดชอบต่างๆ เมื่อคุณจากไป
อีกข้อดีของการ เปิดพินัยกรรมให้ลูกอ่านก่อนคือ พวกเขายังสามารถตั้งคำถาม หรือแม้แต่เสนอแนะข้อแก้ไขในพินัยกรรมได้ ซึ่งคุณปู่ก็แนะนำว่า ควรรับฟังคำแนะนำเหล่านั้นอย่างตั้งใจ และนำสิ่งที่เรามองว่าสมเหตุสมผลมาปรับใช้ เพื่อไม่ให้หลังจากเราจากโลกนี้ไปเกิดคำถามจากลูก ๆ ว่า “ทำไมพ่อ/แม่ถึงทำแบบนี้?”
ทั้งหมดนี้คือ 7 บทเรียนการเงินที่เป็นตำราชีวิตซึ่งถอดมาจากนักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett ที่พ่อแม่ทุกคนสามารถส่งต่อให้ลูก ๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้รวยล้นฟ้า เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญคือการชี้แนะแนวทางการเงินเพื่อให้ลูกหลานได้นำไปปรับใช้และมีการเงินที่ดีในอนาคต
ที่มา : CNBC, Yahoo Finance
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney