เกิดอะไรขึ้นกับคนไทย? เมื่อเศรษฐกิจถดถอย ทำให้คนหยุดซื้อ หยุดลงทุน และหยุดอนาคต

Personal Finance

Financial Planning

Tag

เกิดอะไรขึ้นกับคนไทย? เมื่อเศรษฐกิจถดถอย ทำให้คนหยุดซื้อ หยุดลงทุน และหยุดอนาคต

Date Time: 15 ธ.ค. 2568 11:03 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary


เศรษฐกิจถดถอยไม่ใช่แค่ตัวเลข เมื่อคนไทยไม่กล้าซื้อรถ บ้าน และหยุดลงทุน ผลสำรวจ Ipsos สะท้อนวิกฤติความเชื่อมั่นที่กำลังกัดกินแผนชีวิต ความมั่นคงในงาน และอนาคตทางการเงินของทั้งประเทศ

 

Latest


ถ้าจะบอกว่า นี่คือสัญญาณอันตรายของ "วิกฤติความเชื่อมั่น" ที่กำลังกัดกินการตัดสินใจทางการเงินของคนไทยในระดับครัวเรือน ก็คงไม่ผิดนัก 

เมื่อผลสำรวจล่าสุดของ Ipsos "What Worries Thailand? H2 2025" ซึ่งอ้างอิงจากกลุ่มตัวอย่างประมาณ 500 คน (อายุระหว่าง 20-74 ปี) เผยว่า เกือบ 4 ใน 10 ของคนไทย ระบุ อยากกลับไปเกิดในปี 2518 มากกว่าปัจจุบัน เพราะ ณ เวลานั้นใช้ชีวิตได้ง่ายกว่ามาก 

อีกทั้งยังสะท้อนชัดเจนว่า ความกังวลในเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจที่ซับซ้อน ได้เปลี่ยนจากเรื่องนามธรรม กลายเป็นความลังเล ในการใช้จ่ายและหยุดยั้งการวางแผนชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง

สัญญาณอันตราย คนไทยเข้าสู่โหมด “ จำศีลทางการเงิน” 

คนไทยจำนวนมากกำลังหยุดหรือชะลอแผนชีวิตครั้งใหญ่ เนื่องจากความเชื่อมั่นที่เปราะบาง 

  • 52% ไม่กล้าซื้อของใหญ่ โดยคนไทยรู้สึกไม่มั่นใจที่จะซื้อสินค้าราคาสูง เช่น บ้านหรือรถยนต์ (เพิ่มขึ้น 4% จากปีที่ผ่านมา)
  • 40% รู้สึกไม่สบายใจในการซื้อของใช้ในครัวเรือนอื่นๆ (เพิ่มขึ้น 2% จากปีที่ผ่านมา)
  • และ 76% ของคนไทย เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ใน “ภาวะถดถอย” (เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว)

ความระมัดระวังในการใช้จ่ายนี้ เกิดจากความเชื่อที่ว่า เงินเฟ้ออาจไม่กลับสู่ระดับปกติ ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องวางแผนทางการเงินอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ

สอดคล้องกับข้อมูลรายงานภาวะสังคมไทย ไตรมาส 3/2568 โดยสภาพัฒน์ฯ ที่เผยว่า สินเชื่อเพื่อยานยนต์ยังหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน ตามยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคลที่ลดลงตั้งแต่ปี 2566 เช่นเดียวกับ สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับที่หดตัว 2.6%  และ 0.2 % ตามลำดับ 

สวนทาง สัดส่วน NPLs (หนี้เสีย) ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น จากข้อมูลของเครดิตบูโร ในไตรมาสสอง ปี 2568 ที่พบว่า มีสินเชื่อบุคคลธรรมดาที่ค้างชำระเกิน 90 วันขึ้นไป มูลค่าร่วมๆ 1.24 ล้านล้านบาท ขยายตัวถึง 6.9%จากปีก่อน 

“ สินเชื่อส่วนบุคคล และ บัตรเครดิต ไม่มีหลักประกัน และมีดอกเบี้ยผิดนัดชำระสูง ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัย คงต้องเฝ้าระวัง จากปัญหาการถูกยึดทรัพย์และขายทอดตลาดที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น มีบ้านถูกยึดและประกาศขายโดยกรมบังคับคดี สูงถึง 67,641 หน่วย เพิ่มขึ้น 210% คิดเป็นมูลค่ารวม 1.2 แสนล้านบาท “

เงินในกระเป๋าที่หายไป และอนาคตที่ไม่แน่นอน

ความไม่มั่นคง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใช้จ่ายในปัจจุบัน แต่ยังลามไปถึงความมั่นคงในระยะยาวด้วย โดยผลสำรวจ Ipsos ยังชี้ว่า คนไทยไม่มั่นใจในงาน และ หยุดลงทุนเพื่ออนาคต 

  • คนไทยกว่า 4 ใน 10 (41%) มีความมั่นใจน้อยลงเกี่ยวกับความมั่นคงในงานของตนเอง ครอบครัว และบุคคลใกล้ชิด
  • เกือบครึ่ง (48%) มีความมั่นใจน้อยลงเกี่ยวกับความสามารถในการลงทุนเพื่ออนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเกษียณอายุหรือเพื่อการศึกษาของบุตรหลาน

เมื่อขาดความมั่นใจในรายได้ของตัวเอง การตัดสินใจลงทุนเพื่อความมั่งคั่งในอนาคตจึงถูกระงับโดยปริยาย การหยุดการลงทุนเหล่านี้ จึงเป็นมากกว่าตัวเลขเศรษฐกิจ มันคือการ หยุดแผนการสร้างชีวิต และความฝันระยะยาวของคนไทยจำนวนมากด้วย

“คอร์รัปชัน-อาชญากรรม”  ปัญหาเชิงโครงสร้างที่สั่นคลอนความเชื่อมั่น

อีกประเด็นที่น่าเจาะลึก คือ ในผลสำรวจชุดดังกล่าว ความกังวลเชิงโครงสร้างได้กลับขึ้นมาครองตำแหน่งสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2568 โดย "การทุจริตทางการเงินและการเมือง" ครองอันดับสูงสุดที่ 49% และ "อาชญากรรมและความรุนแรง" พุ่งขึ้นมาอยู่ที่อันดับสี่ 27% แซงหน้าภาวะเงินเฟ้อ

ความกังวลที่พุ่งสูงขึ้นนี้สะท้อนถึงความคาดหวังของประชาชนต่อ ความโปร่งใสในระบบ และความรู้สึกถึง ภัยคุกคาม โดยเฉพาะเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง ซึ่งความไม่โปร่งใสและความไม่ปลอดภัยนี้เอง คือปัจจัยสำคัญที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม

เมื่อประกอบกับ เศรษฐกิจไทย “ตัวเลข GDP จริง” ที่อยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างมาก ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เพราะขยายตัวแค่ 1.2% สะท้อนถึงความ อ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด SCB EIC ชี้ว่า เศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะ “ถดถอยเชิงเทคนิค” ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยคาดว่า GDP จะขยายตัวต่ำกว่า 1% 

วงจรความกลัวทางการเงิน (Financial Fear Loop) 

จะเห็นได้ว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยในเวลานี้ ไม่ได้เป็นเพียงการชะลอตัวตามวัฏจักร แต่กำลังติดอยู่ใน “วงจรความกลัวทางการเงิน” ที่ค่อย ๆ บั่นทอนการตัดสินใจของผู้คนในทุกระดับ

เมื่อรายได้ไม่มั่นคง คนทำงานจำนวนมากเริ่มระมัดระวังการใช้เงินก้อนใหญ่ การซื้อบ้าน การออกรถ หรือแม้แต่การลงทุนเพื่ออนาคตจึงถูกเลื่อนออกไปก่อน ขณะเดียวกัน ธุรกิจที่พึ่งพากำลังซื้อภายในประเทศกลับเผชิญยอดขายที่หดตัว ส่งผลให้การลงทุนใหม่ถูกชะลอ การจ้างงานไม่ขยาย และบางส่วนต้องลดต้นทุนด้วยการลดคนหรือจำกัดรายได้พนักงาน

วงจรนี้ยิ่งทำให้ความมั่นคงในงานของแรงงานไทยสั่นคลอนมากขึ้น และเมื่อความไม่แน่นอนของรายได้เพิ่มสูงขึ้น ความกลัวในการใช้จ่ายก็ยิ่งทวีคูณ กลายเป็นแรงเบรกที่ฉุดเศรษฐกิจให้ชะลอลงไปอีกขั้น

ในระดับครัวเรือน ความกลัวดังกล่าวไม่ได้สะท้อนแค่ตัวเลขการบริโภคที่ลดลง แต่แทรกซึมเข้าไปใน “แผนชีวิต” ของผู้คน ตั้งแต่การตัดสินใจมีครอบครัว การวางแผนซื้อทรัพย์สิน ไปจนถึงการออมและลงทุนระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ เมื่อคนทั้งประเทศเลือก “ชะลออนาคต” พร้อมกัน เศรษฐกิจก็ไม่อาจขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างเต็มศักยภาพ

นี่คือบททดสอบครั้งใหญ่สำหรับรัฐบาลและภาคธุรกิจ ที่ต้องเร่งสร้างความโปร่งใส ความมั่นคง และความปลอดภัย เพื่อให้คนไทยกลับมามีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายและการวางแผนชีวิตอีกครั้ง


ที่มา : Ipsos Ltd. ,สภาพัฒน์ฯ ,SCB EIC 

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https:// www.facebook.com/ThairathMoney


 


Author

อุมาภรณ์ พิทักษ์

อุมาภรณ์ พิทักษ์
เศรษฐกิจ การเงิน ลงทุน และ อสังหาริมทรัพย์