ไขข้อสงสัย “โครงการ TISA” คืออะไร? รัฐหวังกระตุ้นการออม-การลงทุน ลดหย่อนภาษีสูงสุด 8 แสนบาท

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ไขข้อสงสัย “โครงการ TISA” คืออะไร? รัฐหวังกระตุ้นการออม-การลงทุน ลดหย่อนภาษีสูงสุด 8 แสนบาท

Date Time: 9 ธ.ค. 2568 19:03 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

“โครงการ TISA” ตัวช่วยลดหย่อนภาษีที่กำลังรอรัฐบาลตัดสินใจ ถึงบอกว่าจะลดหย่อนฯ ได้สูงสุด 8 แสนบาท แต่รายละเอียดจะจูงใจคนไทยได้จริง?

Latest


ยิ่งใกล้ถึงช่วงยื่นภาษี หลายคนยิ่งตื่นตัวที่จะมองหาตัวช่วยในการลดหย่อนภาษีเพื่อลดค่าใช้จ่าย จนต้นเดือน ธ.ค. 68 ที่ผ่านมา มีข่าวว่าคลังเตรียมนโยบายกระตุ้นการออมเข้าไปในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีหนึ่งในนโยบายที่น่าสนใจคือ “โครงการ TISA” ที่จะปรับเงื่อนไขใหม่ รวมๆ แล้วอาจช่วยให้ลดหย่อนภาษีได้สูงถึง 800,000 บาท/ปี!

TISA คืออะไร ทำไมไทยต้องมี?

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจก่อนว่าโครงการ TISA หรือ Thailand Individual Savings Account นั้นเป็นบัญชีการออม-การลงทุนส่วนบุคคล ที่เปิดให้นักลงทุนที่ซื้อสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศตามเงื่อนไขของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากข้อมูลปัจจุบันคาดว่า จะขยายสิทธิให้ลดหย่อนภาษีรวมสูงสุด 8 แสนบาท (จากปัจจุบันที่ราว 5 แสนบาท)

ทำไมภาครัฐต้องมาเน้นเรื่องนี้ ปัญหาหนึ่งเพราะไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย แต่อาจมีเงินออมไม่พอ นี่อาจสะท้อนถึงปัญหาและความเสี่ยงที่จะกลายเป็นภาระหนักต่อการคลังในระยะกลางถึงระยะยาว

อีกโจทย์สำคัญคือ ตลาดทุนไทย โดยเฉพาะตลาดหุ้นช่วงที่ผ่านมาชะลอตัวลงมาก การมีโครงการ TISA ถือเป็นความพยายามของภาครัฐ ที่หวังว่าจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนกลับมาลงทุนในตลาดทุนไทยมากขึ้น

จากข้อมูลล่าสุดในตอนนี้ประชาชนมีทางเลือกในการลงทุน และวางแผนการออมเพื่อเกษียณผ่านโครงการ TISA เช่น

  • กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
  • กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG)
  • ประกันชีวิตแบบบำนาญ
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร)
  • ฯลฯ

ถึงยังไม่ “เคาะ” แต่ TISA มีเงื่อนไขแบบไหน

หนึ่งในสิ่งที่ทุกคนสนใจคือ TISA จะลดหย่อนภาษีได้สูงสุดเท่าไร และมีเงื่อนไขแบบไหน เบื้องต้นมีข้อมูลออกมาว่า

- ผู้มีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 1.5 ล้านบาท/ปี สามารถลดหย่อนได้ 1.3 เท่า สูงสุดไม่เกิน 1.04 ล้านบาท

- ผู้มีเงินได้พึงประเมินเกินกว่า 1.5 ล้านบาท/ปี สามารถลดหย่อนได้ 0.7 เท่า (จากเดิมลดหย่อนสูงสุด 1 เท่า) สูงสุดไม่เกิน 5.6 แสนบาท

เมื่อสาเหตุที่เกิด TISA คือให้มีคนออมเงินระยะยาว จึงมีเงื่อนไขด้านระยะเวลา เช่น ถ้าลงทุนแล้ว จะต้องถือครองหน่วยลงทุนไปจนกว่าเราจะอายุครบ 55 ปี ถึงจะขายคืนได้ หรือถ้าเริ่มลงทุนตอน 55 ปีขึ้นไป มีเงื่อนไขว่าต้องถือครองไม่ต่ำกว่า 5 ปี ถึงจะขายคืนได้ (อาจมีเงื่อนไขการไถ่ถอนก่อนกำหนดหากเจ้าของบัญชีต้องเจอกับภัยพิบัติ)

นอกจากนี้ เงื่อนไขโครงการ TISA ที่เปิดเผยออกมายังมีรายละเอียดว่า

  • ผู้มีสิทธิเปิดบัญชี TISA ต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
  • สามารถเปิดบัญชี TISA ได้เพียง 1 บัญชีต่อคนเท่านั้น
  • ต้องลงทุนตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด
  • เงินที่นำมาลงทุนผ่าน TISA ต้องถือครองตามระยะเวลาที่กำหนดเพื่อคงสิทธิลดหย่อนภาษี

คนไทยต้องออมเพิ่ม!

อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนคงเข้าใจภาพรวมของโครงการ TISA มากขึ้นแล้ว แต่รู้ไหมว่ามาตรการ Quick Big Win เรื่องการออมยังมีอีก 2 โครงการที่น่าสนใจ นั่นก็คือ…

1. โครงการพันธบัตรรัฐบาล “ออมพลัส”

ถือเป็นโครงการให้คนเข้าถึง “พันธบัตรรัฐบาล” ได้มากขึ้น โดยจะออกขายอย่างต่อเนื่องเดือนละครั้ง ผ่านช่องทางทั้งออนไลน์ผ่านระบบ Bond Connect และออฟไลน์ผ่านสาขาธนาคารพาณิชย์

2. ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญรูปแบบจ่ายเงินก้อนเมื่อเริ่มรับบำนาญ (Lump-Sum Annuity)

รัฐส่งเสริมการประกันชีวิตแบบบำนาญที่สามารถรับผลประโยชน์เป็นเงินก้อนเมื่อรับเงินบำนาญงวดแรกได้เลย เพื่อใช้เตรียมเกษียณหรือใช้กับความจำเป็นอื่น ๆ สร้างแรงจูงใจในการออมระยะยาว ลดการพึ่งพาบำนาญรัฐ และรองรับสังคมสูงวัยอย่างมั่นคง

อย่างไรก็ดี โครงการทั้งหมดนี้ยังต้องติดตามว่า ข้อสรุปสุดท้ายที่จะประชาชนจะได้รับเป็นแบบไหน และจะช่วยกระตุ้นการออม-การลงทุนให้คนไทยได้จริงแค่ไหนในอนาคต


ที่มา : กระทรวงการคลัง

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ