จากเคส “นานา-เวย์” สู่ข้อสงสัยในชีวิตจริง แต่งงาน-หย่าแล้ว ถ้ามีหนี้-ฉ้อโกง ต้องร่วมรับผิดชอบไหม?

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

จากเคส “นานา-เวย์” สู่ข้อสงสัยในชีวิตจริง แต่งงาน-หย่าแล้ว ถ้ามีหนี้-ฉ้อโกง ต้องร่วมรับผิดชอบไหม?

Date Time: 4 ธ.ค. 2568 17:04 น.

Video

เมื่อเด็ก ป.6 (11 ขวบ) สร้างรายได้ "หลักแสน" แซงหน้าคนทำงาน! l Money Secret EP.12

Summary

แต่งงานกันแล้ว ก็ต้องใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดสร้างหนี้ มีคดีฉ้อโกง ฝ่ายสามีหรือภรรยาต้องร่วมรับผิดชอบไหม?

กลายเป็นข่าวที่ทุกคนจับตามองเมื่อทางตำรวจเข้าจับกุมตัว “นานา-ไรบีนา อินทชัย” ในฐานความผิดฉ้อโกงทรัพย์ และ พรก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ทางนานาก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่สามีอย่าง เวย์ ไทเทเนียม หรือ ปริญญา อินทชัย ทางตำรวจเตรียมเรียกเข้าสอบปากคำภายในสัปดาห์หน้า (บางช่วงมีกระแสข่าวว่าหย่าร้างกันแล้ว และอีกทางยืนยันว่ายังไม่หย่า)

จากข่าวนี้ทำให้หลายคนสงสัยว่า หากวันหนึ่งคู่ชีวิต ที่เราแต่งงานด้วย เกิดมีหนี้สินจากการกู้ยืม หรือตกเป็นผู้ต้องหาใน “คดีฉ้อโกง” ขึ้นมา ไม่ว่าจะยังแต่งงานอยู่ หรือหย่าร้างกันหลังจากนั้น คู่ชีวิตต้องแบกรับปัญหาเหล่านั้นด้วยหรือไม่?

แต่งงานหรือหย่าแล้ว ต้องรับผิดชอบอะไรร่วมกันบ้าง?

ใครๆ ก็คิดว่าแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ทรัพย์สิน (สินสมรส) ต้องแชร์ครึ่งกันเท่าๆ ทั้งหมด แต่อาจไม่ใช่แค่นั้น ถ้ามี “หนี้สิน” ก็อาจต้องร่วมกันรับผิดชอบด้วย เช่น

  • หนี้จากการใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาลของคนในครอบครัว
  • หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรส เช่น กู้ยืมมาเพื่อต่อเติมบ้าน
  • หนี้จากการทำธุรกิจร่วมกัน เช่น การทำร้านอาหารด้วยกัน
  • หนี้จากการสัตยาบันจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แม้เราจะไม่ใช่ผู้กู้เงินด้วยตัวเอง แต่ถ้าเรามีการสัตยาบันหรือทำนิติกรรม (เช่น เซ็นชื่อยินยอม/รับรู้ว่าให้กู้เงิน)ให้กับอีกฝ่าย ก็ถือเป็นหนี้ร่วมกัน

ส่วนหนี้ที่คู่สมรสไม่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เช่น หนี้สินก่อนแต่งงาน, หนี้จากการพนัน, หนี้จากบัตรเครดิต เป็นต้น

ส่วนกรณี “หย่าร้าง” เมื่อคู่ชีวิตตัดสินใจแยกทางกัน ตามหลักกฎหมายแล้ว เมื่อคู่สมรสจดทะเบียนหย่า จะต้องมีการแบ่งสินสมรสออกเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน ซึ่งหากมีหนี้ร่วม ก็มักจะลงเอยด้วยการแบ่งและรับผิดชอบร่วมกัน

ดังนั้นถ้าสามีหรือภรรยาไปสร้างหนี้ไว้ หนี้ที่ว่ามาจากการทำธุรกิจร่วมกัน ก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบแม้จะหย่าร้างกันแล้ว แต่ในบางกรณีถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับว่าหนี้เป็นกิจการของตนเองก็อาจรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้คนเดียวได้

เกิดคดี “ฉ้อโกง” ต้องรับผิดชอบร่วมกันไหม?

หลายคนเห็นข่าวช่วงนี้แล้วอาจสงสัยว่า ถ้าเรายืมเงินเพื่อนไปแต่ไม่ได้คืนจะกลายเป็นฉ้อโกงไหม? ขออธิบายง่ายๆ ว่า การขอ “ยืมเงิน” มีเจตนาว่ายืมแล้วจะคืนให้ อาจมีหรือไม่มีดอกเบี้ยก็ได้ แต่ “ฉ้อโกง” อาจเรียกว่าหลอกให้ได้ไปซึ่งทรัพย์ ไม่เห็นเจตนาว่าจะคืน เคสเหล่านี้อาจจะไกล่เกลี่ยกันเองได้

แต่มีส่วน “ฉ้อโกงประชาชน” ที่ทนายหลายคนเล่าว่าเรื่องนี้ยอมความไม่ได้ เพราะเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน อาจมีพฤติการณ์ที่ทำแล้วส่งผลกระทบต่อหลายๆ คน

กลับมาที่คำถามของเราว่า ถ้าคู่ชีวิต คู่สมรสตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง สามีหรือภรรยาต้องร่วมรับผิดชอบด้วยหรือไม่? ถ้าหย่าร้างแล้วต้องรับผิดชอบด้วยหรือเปล่า

เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่า “มีส่วนร่วม” ในการฉ้อโกงหรือร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่ ต้องมีการสอบสวนเพื่อหาความจริง เพราะการฉ้อโกงเป็นเรื่องตัวบุคคล ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้เห็นทางกฎหมายต้องไม่ผิดอยู่แล้ว (ในทางอาญา)

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นสามี ภรรยา หรือหนึ่งในสมาชิกครอบครัว สิ่งที่จะตัดสินได้ว่า เกี่ยวข้องไหมไม่ใช่สายสัมพันธ์ แต่คือ “เส้นทางการเงิน” ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ตรวจสอบในขั้นตอนต่อไป


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ