จะซื้อกองทุนลดหย่อนฯ คิดแค่ “ภาษี” ไม่ได้! เปิด 3 เรื่องต้องรู้ อย่ามองแต่ผลตอบแทนย้อนหลัง

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

จะซื้อกองทุนลดหย่อนฯ คิดแค่ “ภาษี” ไม่ได้! เปิด 3 เรื่องต้องรู้ อย่ามองแต่ผลตอบแทนย้อนหลัง

Date Time: 3 ธ.ค. 2568 15:25 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

  • การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีไม่ควรมองแค่ประโยชน์ทางภาษี แต่ควรมองเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเงินระยะยาว โดยเฉพาะกองทุน RMF ที่ออกแบบมาเพื่อการเกษียณ
  • หลักการสำคัญคือ "ความเหมาะสม" บล. พาย ย้ำว่า สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ผลตอบแทนย้อนหลัง คือ กองทุนนั้น "เหมาะกับเราไหม" ทั้งในเรื่องความเสี่ยงที่รับได้ ระยะเวลาที่ต้องถือ และเป้าหมายทางการเงิน

Latest


เข้าสู่โค้งสุดท้ายสำหรับเทศกาลลดหย่อนภาษีแล้ว นักลงทุนจำนวนมากกำลังมองหากองทุน Thai ESG และ RMF เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเต็มที่ ทว่าความท้าทายในปีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเส้นตาย แต่คือการตัดสินใจท่ามกลางตัวเลือกกองทุนที่หลากหลายและซับซ้อน

ต้องบอกว่าการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี มันไม่ใช่แค่เรื่องของ "ภาษี" แต่คือ "อนาคต" ที่จำเป็นต้องวางแผนทางการเงินให้ดี และปัจจุบันกองทุนลดหย่อนภาษีมีออกมาให้เลือกเยอะมาก หลากหลายรูปแบบ ทำให้คำถามที่ยากที่สุดในทุกปีก็ยังคงเป็น “แล้วจะเลือกกองไหนดี”

ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เผยหลักการเลือกกองทุนลดหย่อนภาษีที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถบริหารจัดการภาษีและสร้างพอร์ตการลงทุนไปได้พร้อมกัน รวมถึงเปิดลิสต์กองทุนเด่นครอบคลุมทุกสไตล์การลงทุน


การลงทุนลดหย่อนภาษี ไม่ใช่แค่เรื่องของ "ภาษี"

กฤช โคมิน, CFA. Head of Wealth Product & Investment Strategy บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กองทุนลดหย่อนภาษีมีออกมาให้เลือกเยอะมาก หลากหลายรูปแบบ ทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม กองทุนหุ้น ทั้งในและต่างประเทศ แต่คำถามที่ยากที่สุดในทุกปีก็ยังเหมือนเดิม นั่นคือ “แล้วจะเลือกกองไหนดี” หลายคนจะโฟกัสที่ผลตอบแทนย้อนหลังอันดับแรก ซึ่งไม่ผิด

แต่จริงๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ กองทุนนั้น “เหมาะกับเราไหม” ทั้งเรื่องความเสี่ยง ระยะเวลาที่ต้องถือ รวมไปถึงเป้าหมายทางการเงินของเราเอง

การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีไม่ควรมองเพียงแค่ประโยชน์ด้านภาษีเพียงอย่างเดียว แต่ควรมองเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเงินระยะยาวด้วย โดยเฉพาะกองทุน RMF ที่ออกแบบมาเพื่อการเกษียณ

จึงควรเลือกด้วยความรอบคอบและสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตของตนเอง รวมทั้งสำหรับนักลงทุนกลุ่ม High Net Worth ที่มีฐานภาษีในระดับสูง ในโค้งสุดท้ายปี 2568 นี้ สามารถวางแผนการลงทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุดรวมกันถึง 8 แสนบาท ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีในการบริหารภาษีและสร้างพอร์ตการลงทุนระยะยาวไปพร้อมกัน

"ถึงแม้จะมีกองทุนให้เลือกมากมาย แต่ถ้าเราเข้าใจหลักการเลือกที่ถูกต้อง ก็จะสามารถตัดสินใจได้ไม่ยาก การเลือกกองทุนที่เหมาะสมจะช่วยให้นักลงทุนสามารถถือครองกองทุนได้ในระยะยาวโดยไม่กังวลจนเกินไป และยังเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีตามเป้าหมายที่วางไว้" กฤช กล่าว



3 หลักเกณฑ์ในการเลือกกองทุนลดหย่อนภาษี

สำหรับหลักเกณฑ์สำคัญในการเลือกกองทุนลดหย่อนภาษี ได้สรุปไว้ 3 ประเด็นหลักที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ ดังนี้

1. ระดับความเสี่ยงที่รับได้

ผู้ลงทุนควรประเมินก่อนว่าตนเองสามารถรับความผันผวนได้มากน้อยแค่ไหน เพราะกองทุนแต่ละประเภทมีลักษณะความเสี่ยงที่ต่างกัน

  • หากรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างต่ำ กองทุนที่เน้นตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้คุณภาพดี หรือเงินฝาก จะเหมาะกว่า เนื่องจากมีความผันผวนไม่มาก และช่วยรักษาเงินต้นได้ดี
  • แต่หากรับความเสี่ยงได้มากขึ้น และต้องการโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาว การเลือกกองทุนที่เน้นตราสารทุน (หุ้น) หรือสินทรัพย์ที่มีศักยภาพเติบโตสูงอาจตอบโจทย์กว่า แม้จะต้องแลกกับความผันผวนที่มากขึ้นก็ตาม

2. ระยะเวลาการลงทุนและเงื่อนไขด้านภาษี

กฤช อธิบายว่า กองทุนลดหย่อนภาษีมีเงื่อนไขการถือครองต่างกัน โดยกองทุน Thai ESG Fund ต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปีปฏิทิน มีระยะเวลาการถือครองสั้นกว่า RMF เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดหย่อน

แต่ยังอยากคงความยืดหยุ่นทางการเงิน ส่วนกองทุน RMF (Retirement Mutual Fund) ต้องถือครองจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนออมเพื่อการเกษียณอย่างจริงจัง

"จุดสำคัญคือ ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรมั่นใจว่าระยะเวลาการถือครองเหมาะกับเป้าหมายของเราจริง ๆ ไม่เช่นนั้นอาจติดเงื่อนไขและกระทบการวางแผนการเงินได้" 

3. นโยบายการลงทุนของกองทุน

นโยบายการลงทุนสะท้อนว่ากองทุนเอาเงินเราไปลงทุนกับอะไร ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความเสี่ยงและผลตอบแทนในอนาคต ผู้ลงทุนควรพิจารณาว่า กองทุนมีการเน้นลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใด

ได้แก่ ตราสารหนี้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของเงินต้น ตราสารทุนที่เหมาะสำหรับผู้ที่มุ่งหวังโอกาสการเติบโตของเงินลงทุน และกองทุนผสมที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความมั่นคงและการเติบโต


เปิดลิสต์ 7 กองทุน ครอบคลุมทุกสไตล์การลงทุน

นอกจากนี้ บล.พาย ได้คัดเลือก 7 กองทุนที่มีศักยภาพมาครอบคลุมครบทั้งตราสารหนี้ กองผสม หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และกองทุนกลุ่ม Thai ESG เพื่อเป็นตัวเลือกให้นักลงทุนใช้ลดหย่อนภาษี พร้อมเพิ่มโอกาสเติบโตของพอร์ตในระยะยาวตามสไตล์ความเสี่ยงของแต่ละคน ได้แก่

กองทุน Thai ESG

  • KKP GB THAI ESG หรือ กองทุนเปิดเคเคพี พันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อความยั่งยืน
    • ตัวเลือก Best in Class กองทุนตราสารหนี้ภาครัฐระยะยาวสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษี ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพของพอร์ตการลงทุน มีความเสี่ยงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับกองทุนประเภทอื่น จุดเด่นคือผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ แม้ในช่วงสั้น ๆ อย่าง 1-3 เดือนอาจเห็นผันผวนบ้าง เพราะรับแรงกดดันจากทิศทางอัตราดอกเบี้ย แต่โดยรวมถือว่านิ่งกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ
  • K-BL30-THAIESG หรือ กองทุนเปิดเค บาลานซ์ 30 ESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน
    • กองทุนผสม เน้นตราสารหนี้และมีกระจายการลงทุนในหุ้นไทย 30% มีความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างโอกาสเติบโตและการบริหารความผันผวนของพอร์ต ให้ผลลัพธ์ที่เสถียรกว่ากองทุนหุ้นล้วนในช่วงตลาดผันผวน และยังคงมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ล้วนในระยะกลางถึงยาวในเชิงกลยุทธ์
  • SCBTP (ThaiESGA) หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยยั่งยืนพาสซีฟ ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนแบบสะสมมูลค่า
    • เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีฐานธุรกิจมั่นคง และมีมาตรฐานด้าน ESG ที่ดี กองทุนมีลักษณะเป็น Equity Exposure มากกว่ากองทุนผสม ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ขณะเดียวกันอาจจะก็ต้องแลกมากับความผันผวนที่สูงขึ้นในระยะสั้น
  • กองทุน RMF

    • K-FIRMF หรือ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ
      • กองทุนแกนหลักสำหรับพอร์ตเกษียณ ที่เน้นความมั่นคงระยะยาว เป็น RMF สายตราสารหนี้ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นฐานที่มั่นของพอร์ตลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการความเสี่ยงต่ำ และอยากให้เงินเกษียณเติบโตไปแบบนิ่ง ๆ ลงทุนแบบกระจายตัวในตราสารหนี้คุณภาพดีภายในประเทศ ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
  • UGISRMF หรือ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ
    • ทางเลือก Income Fund ระดับโลก สำหรับสร้างกระแสรายได้สม่ำเสมอในพอร์ตเกษียณ เน้นสร้างกระแสรายได้มั่นคงผ่านการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก โดยส่งเงินไปบริหารต่อผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านตราสารหนี้อันดับต้น ๆ ของโลก ช่วยเสริมเสถียรภาพให้พอร์ตโดยรวม กระจายความเสี่ยงออกนอกตลาดไทย และเน้นสร้างรายได้สม่ำเสมอ
  • ES-GQGRMF หรือ กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Quality Growth เพื่อการเลี้ยงชีพ
    • Global Quality RMF สำหรับการสร้างการเติบโตระยะยาวของพอร์ตเกษียณ เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงจากทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก Wellington Global Quality Growth หนึ่งในทีมบริหารสินทรัพย์ชื่อดังที่มีประสบการณ์ยาวนาน และยังได้รับเรตติ้งระดับ 5 ดาวจาก Morningstar คัดหุ้นแบบละเอียดทีละตัว เน้นบริษัทที่มีความแข็งแรงจริง ๆ ทั้งในเรื่องกำไรที่เติบโตดี และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในอนาคต
  • KFGGRMF หรือ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลโกรทเพื่อการเลี้ยงชีพ
    • Global Growth RMF สำหรับการสร้างการเติบโตระยะยาวของพอร์ตเกษียณ กองทุน RMF ระดับ Morningstar 5 ดาว สายหุ้นต่างประเทศที่เน้นลงทุนในบริษัทระดับโลกที่เป็นผู้ชนะระยะยาวมีศักยภาพเติบโตสูง เช่น กลุ่มเทคโนโลยีใหม่ สุขภาพ นวัตกรรม และธุรกิจที่เปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจโลกในระยะยาว โดยส่งต่อการบริหารจากกองทุน Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund  หนึ่งในผู้จัดการกองทุนระดับโลกที่ขึ้นชื่อเรื่องการคัดเลือกหุ้นเติบโตคุณภาพดี
  • กฤช แนะนำเพิ่มเติมว่า ผู้ลงทุนควรเริ่มวางแผนภาษีและทยอยซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีตั้งแต่เนิ่น ๆ อย่ารอจนถึงวันสุดท้ายของปีแล้วค่อยตัดสินใจ เพราะหากลงทุนไม่ทัน อาจพลาดโอกาสรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในปีนี้ไปได้ โดยสามารถซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี RMF และ Thai ESG ได้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568


    อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

    ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


    Author

    กองบรรณาธิการ

    กองบรรณาธิการ