
หลายจังหวัดภาคใต้เผชิญน้ำท่วมหนักจากน้ำล้นตลิ่งและน้ำป่าไหลหลาก
สถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในภาคใต้ ดูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดทางศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน แจ้งว่าหลายจังหวัดในสุราษฎร์ธานี,ตรัง,พัทลุง และสตูล ยังมีน้ำท่วมจากน้ำล้นตลิ่งและฝนสะสมสูง ส่วนฝั่งนราธิวาส,ปัตตานี,ยะลา น้ำท่วมหนักเพราะเจอผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลาก ส่วนนครศรีธรรมราช มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบกว่า 127,000 ครัวเรือน
และที่มีการแชร์ในโซเชียลมากที่สุดคือจังหวัดสงขลาซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญถือว่าเข้าขั้นวิกฤติ เนื่องจากบางจุดท่วมสูงถึง 2.5 เมตร หลังเผชิญกับฝนตกหนักสุดในรอบ 300 ปี
เรียกว่า ภัยน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้เกิดขึ้นในวงกว้าง และอาจไม่จบลงง่ายๆ ความเสียหายจึงอาจสูงตามไปด้วย ทาง Thairath Money สอบถามเรื่องนี้กับ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่เล่าว่า ยังประเมินได้ยากว่าความเสียหายน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้จะอยู่ที่เท่าไหร่ แต่อาจสูงกว่า 10,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า เพราะความเสียหายในครั้งนี้กว้างกว่าแค่หาดใหญ่อำเภอเดียว
เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นในวงกว้าง ก็ถึงเวลาที่หน่วยงานต่างๆ รวมถึงธนาคารเข้ามารับมือกับปัญหาการเงินที่อาจเกิดขึ้น นำไปสู่การเร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม Thairath Money จึงรวบรวมทุกมาตรการช่วยเหลือมาไว้ที่นี่แล้ว (ณ 25 พ.ย. 68)
1. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออก 2 โครงการทางการเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย คือ
- โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน: ช่วยเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.625% ต่อปี) วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท
- โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต: เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ รวมถึงเป็นค่าลงทุนในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2% ต่อปี
2. ธนาคารกรุงไทย ออก 2 มาตรการ ช่วยทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบัน ได้แก่
2.1 มาตรการสำหรับลูกค้าสินเชื่อปัจจุบัน แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่
- สินเชื่อบ้าน สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME (Term Loan): ลดค่างวดลง 75% ของค่างวดปัจจุบัน นาน 1 ปี และลดดอกเบี้ยคงที่ 0% ต่อปี เป็นเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปี นาน 33 เดือน
- สินเชื่อบุคคล (Term Loan): ลดค่างวดลง 75% ของค่างวดปัจจุบัน นาน 1 ปี และลดดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปี นาน 3 ปี
- สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME: เข้ามาคุยกับธนาคารได้เลย อาจมีความช่วยเหลือได้หลายแบบ เช่น ลดดอกเบี้ย ลดค่างวด พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย หรือพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยบางส่วน ขยายระยะเวลาสัญญา/ปรับตารางผ่อนชำระ เป็นต้น แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคาร
2.2 มาตรการสำหรับลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าใหม่ ให้สินเชื่อเพื่อกู้ซ่อมบ้าน / กู้ฟื้นฟูกิจการ ได้แก่
- สินเชื่อบ้าน Top up สินเชื่อบ้านแลกเงิน และสินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME (Term Loan): ดอกเบี้ยคงที่ 0% ต่อปี นาน 3 เดือน หลังจากนั้นดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปี นาน 33 เดือน (รวมระยะเวลาดอกเบี้ยพิเศษ นาน 3 ปี กรณีสินเชื่อบ้าน ฟรีค่าประเมินและค่าจดจำนอง)
- สินเชื่อบุคคล (Term Loan): ดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปี นาน 3 ปี
- สินเชื่อธุรกิจ SME (Term Loan): ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี หลังจากนั้น MLR-1%
3. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เผย 3 มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้แก่
- มาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย: พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย สำหรับกลุ่มเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term Loan) สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน สัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อแฟคตอริ่ง ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปอีกสูงสุด 180 วัน และสามารถพักชำระดอกเบี้ยได้
- มาตรการเติมทุนฉุกเฉิน เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ: สำหรับคนที่มีสถานประกอบการในเขตที่เกิดภัยพิบัติ สามารถขอวงเงินกู้ฉุกเฉิน 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท และสูงสุด 200,000 บาท (บุคคลธรรมดา สูงสุด 100,000 บาท และนิติบุคคล สูงสุด 200,000 บาท) อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน ยกเว้นค่าธรรมเนียม และลดกระบวนการนำส่งเอกสารในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงเป็นการเร่งด่วน
สินเชื่อช่วยเติมทุน เสริมสภาพคล่อง ลงทุน และยกระดับธุรกิจ หลังสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลาย: อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท (อาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติมในแต่ละกลุ่มลูกหนี้)
4. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้มีการออก 7 มาตรการช่วยเหลือและเยียวยาที่จำแนกตามสถานะของลูกค้า ดังนี้
4.1 สำหรับลูกค้าปัจจุบัน
- ลดเงินงวด 50% จากเงินงวดในปัจจุบัน
- พักจ่ายหนี้นาน 3 เดือน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปีใน 3 เดือนแรก ส่วนเดือนที่ 4 - 12 คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี
- โครงการสินเชื่อซ่อม - แต่ง และสินเชื่อซ่อม - แต่ง Plus วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาทต่อราย ระยะเวลาการกู้นานสูงสุด 5 ปี โดยวงเงิน 1 แสนบาทแรก อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีเพียง 1% ต่อปี และในวงเงิน 200,000 บาทถัดมา อัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี โดยไม่ต้องจดทะเบียนการจำนองเพิ่มที่สำนักงานที่ดิน
4.2 สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ ที่จะกู้ใหม่หรือกู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม: ให้วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท ต่อราย ต่อหลักประกัน จุดเด่นคืออัตราดอกเบี้ย เดือนที่ 1 - 3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด เดือนที่ 4 - 24 เท่ากับ 2.00% ต่อปี ปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.30% ต่อปี (2.945% ต่อปี), ปีที่ 4 เท่ากับ MRR-2.40% ต่อปี (3.845% ต่อปี) ปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี, ลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี
4.3 สำหรับลูกค้าสถานะค้างชำระเกิน 90 วัน (NPL) ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย: ช่วงเดือนที่ 1 - 6 จะได้รับดอกเบี้ย 0% ต่อปี และไม่ต้องชำระเงินงวด ส่วนเดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ให้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
4.4 สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้: ช่วงเดือนที่ 1 - 6 จะได้รับดอกเบี้ย 0% ต่อปี และผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาท (ตัดเงินต้นทั้งหมด) เดือนที่ 7 - 12 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกอีก 100 บาท เมื่อจบช่วงมาตรการให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
4.5 สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร: ให้ผ่อนชำระ โดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ (พิจารณาเป็นรายกรณี)
4.6 สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL หากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลัง และไม่สามารถซ่อมแซมได้: ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น (พิจารณาเป็นรายกรณี)
4.7 พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติกับบริษัทประกันภัยที่ธนาคารจัดให้: พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่ประสบภัยทุกราย อย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันสามารถแจ้งความเสียหายโดยใช้ภาพถ่าย และจะได้รับค่าสินไหมตามความเสียหายจริงไม่เกิน 20,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงอีกไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี (รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามกรมธรรม์)
5. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เผย 2 มาตรการช่วยเหลือ ได้แก่
5.1 สำหรับวงเงินกู้ระยะสั้น
- ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน สูงสุด 180 วัน
- เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม ทั้งนี้ ไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยใช้อัตราดอกเบี้ยเดิม
- เปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้น เป็นภาระหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี
5.2 สำหรับวงเงินกู้ระยะยาว
- ขยายระยะเวลาเงินกู้ สูงสุด 7 ปี
- ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปีแรกลง 0.50% หรือจ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% ในช่วง 6 เดือนแรก
- พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 1 ปี
6. ธนาคารไทยพาณิชย์ เผย 4 มาตรการสินเชื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัย
6.1 สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
- สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อบ้านคือเงิน (My Home My Cash) พักชำระเงินต้นสูงสุดนาน 3 เดือน พักชำระเงินต้นและจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย
- สินเชื่อบ้านได้เพิ่มเพื่อซ่อมแซมบ้าน ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม และ อาคารพาณิชย์
6.2 สินเชื่อรถยนต์
พักชำระหนี้สูงสุดนาน 3 เดือน และขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระสูงสุด 3 เดือน (รวมอายุผู้กู้ไม่เกิน 65 ปี)
6.3 สินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการ (SSME) , สินเชื่อเพื่อธุรกิจมณีทันใจ /ใจดีให้เพิ่ม
สำหรับลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการปัจจุบัน พักชำระเงินต้นสูงสุดนาน 3 เดือน พักชำระเงินต้นและจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย
7. ธนาคารกรุงเทพ เผย 2 มาตรการให้การช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ ด้วย ได้แก่
7.1 สำหรับลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ
- ผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของลูกหนี้ เช่น ลดยอดผ่อนชำระ ขยายเวลาการชำระหนี้ ปลอดการชำระเงินต้นเป็นการชั่วคราว ระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน
- สนับสนุนสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่เพิ่มเติม เพื่อเสริมสภาพคล่องระยะสั้น ซ่อมแซมสถานประกอบกิจการและฟื้นฟูกิจการ
- สนับสนุนสินเชื่อธุรกิจ SME ระยะเวลากู้สูงสุด 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ เริ่มต้น 3.5% ต่อปี นาน 2 ปี หลังจากนั้นคิดไม่ต่ำกว่า MLR-1% ต่อปี
7.2 สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย
ธนาคารมีหลายมาตรการเพื่อผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามระดับความรุนแรงที่ได้รับ สามารถติดต่อที่ธนาคารได้เลย
8. ธนาคารออมสิน เผยมาตรการให้การช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยภาคใต้ ด้วย ได้แก่
- พักชำระหนี้อัตโนมัติ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 3 เดือน สำหรับลูกหนี้ที่มีภูมิลำเนา ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ประกอบอาชีพในพื้นที่ภัยพิบัติตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยดอกเบี้ยในช่วงเวลาพักชำระหนี้ธนาคารยกให้ทั้งหมด ลูกหนี้ไม่ต้องชำระภายหลัง ส่วนเงินต้นที่พักไว้จำนวน 3 งวด จะถูกรวมไปชำระในงวดสุดท้าย ซึ่งหากไม่สามารถชำระปิดบัญชีได้ ลูกหนี้สามารถขอปรับโครงสร้างหนี้และขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้เพิ่มเติม โดยไม่เสียประวัติเครดิต
ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิ์พักชำระหนี้อัตโนมัติ จะได้รับ SMS จากธนาคารเพื่อแจ้งสิทธิ์การเข้าร่วมมาตรการนี้ (เมื่อครบกำหนดพักชำระหนี้ ธนาคารจะส่ง SMS แจ้งล่วงหน้า 1 เดือนให้กลับมาจ่ายค่างวดตามสัญญาเดิม)
นอกจากนี้ ทางธนาคารยังผ่อนปรนเงื่อนไขตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) ให้ลูกค้าธุรกิจสถานะ Non-NPLs ในพื้นที่ประสบภัย ที่ตั๋วครบกำหนดช่วง 19 พ.ย. – 30 ธ.ค. 68 สามารถ ขยายเวลาชำระได้ 90 วัน (ชำระดอกเบี้ยตามเดิม) โดยธนาคารจะติดต่อแจ้งสิทธิ์กับลูกค้าโดยตรง โดยสามารถขยายวันครบกำหนดใช้เงิน 1 ครั้ง/ฉบับ ออกไปอีก 90 วัน และชำระดอกเบี้ยตามเงื่อนไขสัญญาเดิม ทั้งนี้ ธนาคารจะติดต่อลูกค้าแต่ละรายเพื่อแจ้งหลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์ให้ทราบ
9. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ออกมาตรการช่วยเหลือใน 4 กลุ่มลูกค้า ได้แก่
9.1 ลูกค้าสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อ SME รายย่อย มีมาตรการให้ลดค่างวด ครอบคลุมดอกเบี้ยจ่ายในแต่ละเดือน สูงสุดระยะเวลา 6 เดือน หรือ พักชำระเงินต้น (ชำระเพียงดอกเบี้ย) สูงสุดระยะเวลา 3 เดือน สามารถติดต่อธนาคารได้ภายใน 30 ธ.ค. 68 (พิจารณาเป็นรายกรณี)
9.2 ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ SME มีมาตรการให้ลดค่างวด ครอบคลุมดอกเบี้ยจ่ายในแต่ละเดือน สูงสุดระยะเวลา 6 เดือน หรือ พักชำระเงินต้น (ชำระเพียงดอกเบี้ย) สูงสุดระยะเวลา 6 เดือน สามารถติดต่อธนาคารได้ภายใน 30 ธ.ค. 68
9.3 ลูกค้าสินเชื่อกรุงศรี ออโต้ มีมาตรการพักชำระค่างวด เป็นระยะเวลา 3 เดือน สามารถติดต่อธนาคารได้ภายใน 31 ธ.ค. 68
9.4 ลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ มีมาตรการพักชำระหนี้ นานสูงสุด 2 รอบบัญชี สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยพักชำระหนี้สูงสุดไม่เกิน 2 รอบบัญชี ระหว่างเดือน พ.ย. 2568 ถึง ม.ค. 2569 โดยระหว่างเข้าร่วมมาตรการพักชำระดังกล่าว ดอกเบี้ยยังคงคำนวณตามอัตราปกติแบบลดต้นลดดอก สามารถติดต่อธนาคารได้ภายใน 31 ม.ค. 69 (พิจารณาเป็นรายกรณี)
10. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ได้แก่
10.1 สินเชื่อธุรกิจ และ SME มีมาตรการลดค่างวด/ขยายเวลาชำระหนี้
10.2 สินเชื่อบ้าน, สินเชื่อบุคคล และบัตรกดเงินสด มีมาตรการพักชำระเงินต้นสูงสุด 3 งวด หรือลดค่างวด 6 เดือนแรก
10.3 สินเชื่อรถยนต์ เลื่อนการชำระค่างวดสูงสุด 3 เดือนหรือลดค่างวด 6 เดือนแรก
ทั้งนี้ หากสนใจสามารถติดต่อกับทางธนาคารและลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธ.ค. 68 โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาขึ้นอยู่กับธนาคารกำหนด
11. ธนาคารกสิกรไทย ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ได้แก่
11.1 มาตรการช่วยเหลือลูกค้าบุคคล
- สินเชื่อบ้านกสิกรไทย พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
- สินเชื่อบ้านกู้เพิ่มได้เพื่อซ่อมแซมบ้าน อัตราดอกเบี้ย 0% 3 เดือน ฟรีค่าประเมินหลักประกัน
- บัตรเครดิตกสิกรไทย, สินเชื่อเงินด่วน Xpress Loan และบัตรเงินด่วน Xpress Cash พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
- สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ปรับลดยอดผ่อนชำระรายเดือนสูงสุด 50% ระยะเวลา 3 เดือน และขยายระยะเวลาผ่อน 3 เดือน
11.2 มาตรการช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจ
- วงเงินสินเชื่อเดิม พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
- สินเชื่อเพื่อซ่อมแซมสถานประกอบการ ระยะเวลากู้สูงสุด 5 ปี ดอกเบี้ย 3.5% ใน 2 ปีแรก โดยให้พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
12. ธนาคารไทยเครดิต ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ทั้ง SME, MSME, Retail, Nano & Micro Finance และลูกค้าทั่วไป ได้แก่
- พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุด 2 เดือน
- พักชำระเงินต้น/ปรับลดค่างวด และหรือขยายระยะเวลา/ปรับลดอัตราดอกเบี้ย สูงสุด 12 เดือน
สำหรับลูกค้าธนาคารไทยเครดิต ผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว สามารถแจ้งความประสงค์ เพื่อขอรับการช่วยเหลือได้ตั้งแต่ 25 พ.ย. 2568 - 31 ธ.ค. 2568
แต่ละธนาคารอาจมีรายละเอียดและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ถ้าเราเป็นลูกค้าของธนาคารไหน สามารถติดต่อไปที่แบงก์เพื่อถามโครงการที่เราสามารถเข้าร่วมได้เลย
13. กลุ่มทิสโก้ ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ได้แก่
13.1 ลูกค้าบุคคล สินเชื่อบ้าน, สินเชื่อโฉนดแลกเงิน, สินเชื่อทะเบียนรถ, สินเชื่อเพิ่มวงเงิน
- พักชำระเงินต้น สูงสุด 3 เดือน
- ลดค่างวด และ/หรือขยายระยะเวลาผ่อนชำระ
13.2 สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์
- พักชำระค่างวด สูงสุด 3 เดือน
- ลดค่างวด และ/หรือขยายระยะเวลาผ่อนชำระ
13.3 ลูกค้าธุรกิจ และ SME
- ลดค่างวด และ/หรือ ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ (ตามความสามารถในการผ่อนชำระ)
ทั้งนี้ สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธ.ค. 2568 โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
14. ธนาคารทหารไทยธนชาต ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ได้แก่
14.1 มาตรการ “ตั้งหลัก” สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. 2568 – 31 ม.ค. 2569
- สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้าน ทีทีบี และทีเอ็มบี (เดิม) กรณีบ้านได้รับความเสียหาย ได้รับความคุ้มครองจากประกันบ้านฟรี และกรณีเกิดภาระค่าใช้จ่าย สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ได้
- สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้าน (ทุกประเภท) ที่เกิดความเสียหายรุนแรง และมีภาระค่าใช้จ่าย สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการนี้พร้อมแนบหลักฐานความเสียหาย
ทั้งนี้ รายละเอียดความช่วยเหลือในมาตรการคือ การพักชำระหนี้ นาน 3 เดือน หรือ ขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติม เพื่อไปซ่อมแซมบ้าน ผ่านบัตรกดเงินสด บ้านแลกเงิน ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 2 เดือน กรณีที่ลูกค้ามีบัตรกดเงินสดบ้านแลกเงินอยู่แล้ว จะได้รับความช่วยเหลือดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 2 เดือนเช่นกัน
14.2 ลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ สามารถลงทะเบียนขอพักชำระค่างวด นาน 3 เดือน
14.3 ลูกค้าสินเชื่อบุคคล/บัตรเครดิต สามารถลงทะเบียนขอพักชำระหนี้ นาน 3 รอบบัญชี
14.4 ลูกค้าธุรกิจ และเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบทางธุรกิจและสถานประกอบการ สามารถตรวจเช็กความคุ้มครอง และขอเข้าร่วมมาตรการ “ตั้งหลัก” เพื่อรับความช่วยเหลือได้ โดยแบ่งได้ ดังนี้
- สินเชื่อระยะยาว: จะได้รับการพิจารณาชำระแบบปลอดเงินต้น นานสูงสุด 6 เดือน
- สินเชื่อหมุนเวียน: จะได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาชำระคืนเงินต้น สูงสุด 6 เดือน
- สินเชื่อเช่าซื้อธุรกิจ: จะได้รับการพจารณาขยายระยะเวลาชำระคืน หรือปรับลดยอดผ่อนชำระลงสูงสุด 70% ของยอดผ่อนชำระเดิม นาน 6 เดือน
ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอี ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจของท่าน เพื่อสอบถามรายละเอียดการช่วยเหลือได้กับทางธนาคาร
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney