Gen Z เงินไม่พอใช้! แต่ชีวิตต้องไปต่อ เปิด 5 วิธีบริหารการเงินสู่ความมั่นคง

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Gen Z เงินไม่พอใช้! แต่ชีวิตต้องไปต่อ เปิด 5 วิธีบริหารการเงินสู่ความมั่นคง

Date Time: 21 พ.ย. 2568 10:00 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

Gen Z จำนวนมากทั้งในไทยและสหรัฐฯ รู้สึกว่ารายได้ไม่พอใช้จ่าย

  • ค่าครองชีพสูงขึ้น, ภาวะเงินเฟ้อ, และค่าที่อยู่อาศัยแพง เป็นปัจจัยกดดัน
  • แนะนำให้ตรวจสอบและติดตามการใช้จ่ายอย่างละเอียด
  • ควรลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และสร้างเงินสำรองฉุกเฉิน
  • การพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มรายได้เป็นอีกวิธีสร้างความมั่นคงทางการเงิน

“รายได้น้อย รายจ่ายเยอะ การเงินจะดีได้ไง”

มีใครเคยคิดแบบนี้บ้าง? ยิ่งปัจจุบันเราต้องแบกรับค่าครองชีพที่สูงลิ่ว แต่ค่าแรงยังไม่ขยับไปไหน จนทำให้หลายคนโดยเฉพาะชาว Gen Z ที่เริ่มอายุราว 28 ปี และกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว รู้สึกว่ามีเงินไม่พอสำหรับอนาคต ไม่ใช่แค่คนไทยที่รู้สึก แต่ในสหรัฐฯ ก็เจอสถานการณ์นี้เหมือนกัน

5 แนวทาง Gen Z การเงินดีได้

ล่าสุดมีผลสำรวจจาก “Better Money Habits” ของ Bank of America พบว่า 53% ของ Gen Z ในสหรัฐฯ รู้สึกว่าตัวเองมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะใช้ชีวิตอิสระในแบบที่พวกเขาต้องการ แม้หลายคนในวัยนี้พยายามที่จะออมเงินอย่างสม่ำเสมอ แต่กว่า 55% ของพวกเขาไม่มีเงินออมฉุกเฉินเพียงพอที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายสามเดือนด้วยซ้ำ

สาเหตุอาจเพราะแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่อยู่เหนือการควบคุมของพวกเขา ตั้งแต่ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงภาวะเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงค่าเช่า/ค่าผ่อนบ้านก็พุ่งสูงขึ้น ทำให้คนเข้าถึงได้ยาก

แม้ปัจจัยต่างๆ อาจเป็นตัวฉุดรั้งให้ Gen Z หลายคนถอดใจเพราะคิดว่าการเงินของพวกเขาไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้ได้ แต่ยังมีอีกหลายวิธีที่เราค่อยๆ สร้างความมั่นคงทางการเงินได้ยังคงมีอยู่ ซึ่ง Thairath Money จะพาผู้อ่านไปทำความรู้จัก 5 แนวทางสร้างการเงินที่ดี แม้มีรายได้น้อย ดังนี้

1. ตรวจสอบยอดเงินในบัญชี

ก่อนที่จะหาวิธีเพิ่มรายได้ เราจำเป็นต้องเข้าใจก่อนว่าเงินของคุณเข้าออกจากชีวิตเรายังไง โดยเริ่มง่ายๆ อาจจะเช็กรายการในมือถืออย่างสม่ำเสมอว่าใช้จ่ายไปกับอะไร มียอดเงินคงเหลือเท่าไร ซึ่งการเช็กแบบนี้จะทำให้เรารู้พฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ถ้าเราเจอค่าใช้จ่ายจุกจิกที่ไม่จำเป็น เจอค่าธรรมเนียมที่ยังไม่รู้ว่าเป็นค่าอะไร ถ้าลดส่วนนี้ลงอาจออมเงินได้มากขึ้น และทำให้เรารู้ว่ามีเงินพอจะจ่ายบิลสิ้นเดือนนี้ไหม

2. ติดตามการใช้จ่าย

นอกจากดูว่า 1 เดือนเราใช้จ่ายเงินแบบไหน ลองมามองในภาพรวม ผ่านการ “ติดตามการใช้จ่ายของตัวเองอย่างละเอียด” อาจใช้แอปพลิเคชันทำบัญชี หรือสร้างไฟล์บันทึกรายรับรายจ่ายในชีวิตของเรา (เช่น ใน Google Sheets) โดยเพิ่มหมวดการใช้จ่าย หรือ กำหนดวันที่ต้องจ่ายบิลต่างๆ ให้ชัดเจน

ถ้าถามว่าทำไมเราต้องคอยเช็กการใช้เงินของตัวเองทุกบาททุกสตางค์? เหตุผลง่าย ๆ คือการใช้แอปฯ หรือการสร้าง Sheets ต่าง ๆ นั้น จะสรุปยอดใช้จ่ายออกมาอย่างละเอียด เพื่อให้เราเห็นภาพการใช้จ่ายของตัวเองในแต่ละวันว่าเราใช้เงินไปกับอะไรบ้าง ซื้อของหมวดไหนไปเยอะที่สุด และค้นหาส่วนที่เราอาจจะกำลังใช้จ่ายเกินตัว รวมไปถึงเราอาจเจอว่าตัวเองมีการจ่ายค่าธรรมเนียมหรือมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงที่บั่นทอนเงินให้ลดน้อยลงแบบไม่เคยรู้มาก่อนก็เป็นได้

3. อุดรูรั่วรายจ่ายที่ไม่จำเป็น

หลังจากการเช็กรายจ่ายของตัวเองแล้ว เราอาจเริ่มเห็นรายจ่ายบางอย่างที่ “ไม่จำเป็น” ชัดขึ้น เช่น ค่า Subscriptions ที่ลืมยกเลิก หรือค่าฟิตเนสที่จ่ายไว้แต่ไม่ได้ไป หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นและเรารู้สึกว่าไม่คุ้มค่าอีกต่อไป ซึ่งเราอาจต้องหยุดหรือพักการจ่ายให้กับสิ่งที่ไม่จำเป็นไปก่อนจนกว่าคุณจะมีรายได้เพิ่มขึ้น

ในขณะเดียวกัน “ค่าใช้จ่ายคงที่” เช่น ค่าประกันรถยนต์ ค่ามือถือ หรือค่าอินเทอร์เน็ต ก็สามารถลดลงได้ โดยเราอาจจะต้องลองเปรียบเทียบผู้ให้บริการเพื่อหาราคาที่ถูกกว่า หรือข้อเสนอที่ดีกว่า เพื่อให้เงินที่จ่ายไปทุกบาทนั้นประหยัดและคุ้มค่าที่สุดในการซื้อแต่ละครั้ง นอกจากนี้ การเตรียมอาหารล่วงหน้าหรือลดการทานนอกบ้านก็เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยลดค่าอาหารของเราให้น้อยลงได้

4. สร้างเงินสำรองฉุกเฉิน

เมื่อจัดทำงบประมาณได้แล้ว ต่อมา เราควรเริ่ม “กันเงิน” ส่วนหนึ่งไว้สำหรับเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน ซึ่งเงินออมก้อนนี้เราต้องคิดว่าจะไม่ไปยุ่งกับมันเลยยกเว้นกรณีฉุกเฉินจริงๆ เช่น ตกงาน, รถเสีย, หรือเหตุไม่คาดฝันอื่น ๆ

ในช่วงที่รายได้ยังน้อย การเริ่มต้นออมเงินได้แม้จะเป็นเพียงก้อนเล็กๆ ก็ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกแล้ว โดยเป้าหมายอาจเป็นการค่อย ๆ สะสมเงินก้อนนั้นให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย 1-3 เดือน เช่น ถ้าเรามีรายได้ 15,000 บาท/เดือน และมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 12,000 บาท/เดือน เราควรจะมีเงินสำรองฉุกเฉินอยู่ที่ 12,000 - 36,000 บาท ถ้าเราฮึดสู้เริ่มเก็บเงิน 2,000 บาท/เดือน อาจใช้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปีครึ่งในการเก็บเงินฉุกเฉิน

นอกจากการมีเงินก้อนนี้ออมไว้จะช่วยให้เรารู้สึกอุ่นใจถ้ามีเหตุฉุกเฉินทางการเงินเกิดขึ้นได้แล้ว ยังเป็นการสร้างนิสัยการออมอย่างสม่ำเสมอให้ตัวเราด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวของเราเอง

ทั้งนี้ ในการออมนั้นเราสามารถลองพิจารณาที่จะเก็บเงินสำรองฉุกเฉินไว้ใน “บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง” เพื่อรับดอกเบี้ยในระหว่างที่ออมเงินไปด้วย ซึ่งจะเป็นการต่อยอดให้เงินเติบโตทีละนิด

5. เพิ่มทักษะ เพิ่มรายได้

เมื่อการเงินเข้าที่เข้าทาง อาจมีอีกความรู้สึกโผล่เข้ามาคือ เรายังตามหลังคนอื่นอยู่หรือไม่ นี่อาจเป็นจุดที่บอกว่าเราถึงเวลาเพิ่ม “รายได้” กันแล้ว ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ทำได้อย่างยั่งยืนคือการ “เพิ่มทักษะ” หรือ Upskill ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ และควรเลือกเรียนที่ตลาดต้องการ

ทักษะใหม่ๆ ที่น่าสนใจมีหลายอย่างเช่น การเขียนโค้ด, การตลาด หรือ AI เป็นต้น เราสามารถหาความรู้หรือลงเรียนผ่านคลาสออนไลน์ได้ หรืออาจหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ตรงกับสายงานของตัวเอง เมื่อเราเชี่ยวชาญมากขึ้นก็อาจเพิ่มค่าจ้าง หรือรับงานที่ต้องใช้สกิลสูงขึ้นได้

“ทักษะ” ที่จะติดตัวเราไปนั้นไม่ได้มาจากโชคช่วย แต่ต้องอาศัยความทุ่มเท, ความพยายาม, ความสม่ำเสมอ และความเต็มใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เราอาจจะต้องสละเวลาหลังเลิกงานหรือในวันหยุดเพื่อ “อัปสกิล” ให้ตัวเอง แต่ถ้าทำได้สำเร็จ ผลลัพธ์ที่จะตามมาคือเราได้ทักษะการทำงานที่ดีขึ้น และมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคุ้มค่าที่จะลงมือทำอย่างแน่นอน

Gen Z มีเรื่องต้องรับมือกันมากมาย แต่ถ้าเราจัดการเรื่องเงินได้ดี ก็อาจมีเวลาไปเคลียร์ทุกเรื่องและให้เวลาตัวเองได้มากขึ้น โดยเราสามารถเริ่มทำได้เลยตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่ในอนาคตเราจะมีการเงินที่ดีขึ้นได้แม้จะเริ่มต้นด้วยรายได้ที่จำกัดก็ตาม


หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ 32.41 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ


ที่มา : Yahoo! Finance, Bank of America, WISE

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ “การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ