
Easy Money มีพอร์ตสินเชื่อ 2.7 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะแตะ 2.8 หมื่นล้านบาทในปีนี้
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและการลงทุน ปรากฏการณ์ที่น่าจับตามองในระบบการเงินไทย คือการเติบโตอย่างร้อนแรงของธุรกิจโรงรับจำนำเอกชน โดยเฉพาะ "อีซี่ มันนี่" (Easy Money) ซึ่งเป็นผู้นำตลาดที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนให้เห็นถึงการดิ้นรนและการปรับตัวทางการเงินของคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่มองหาแหล่งสภาพคล่องที่รวดเร็วและยืดหยุ่น
ปัจจุบัน พอร์ตสินเชื่อ ของ Easy Money พุ่งสูงถึง 2.7 หมื่นล้านบาท ณ เดือนพฤศจิกายน 2568 และผู้บริหารเชื่อว่าทั้งปีนี้ พอร์ตดังกล่าวจะแตะ 2.8 หมื่นล้านบาท หากราคาทองยังคงทรงตัวสูง ภายใต้ตำแหน่ง โรงรับจำนำเอกชนที่มีสาขามากที่สุดในไทย 33 จังหวัด 98 สาขา
ซึ่งนี่คือสัญญาณชัดเจนว่าโรงรับจำนำกำลังเปลี่ยนภาพลักษณ์จาก "ทางออกสุดท้าย" สู่การเป็น "กระเป๋าสำรอง" และ "สะพานสู่โอกาส" ในการหมุนเวียนธุรกิจและการลงทุนของคนไทย
ปรากฏการณ์ "หมุนเงิน" นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มคนขัดสนเท่านั้น แต่ขยายวงกว้างไปสู่กลุ่มที่มีศักยภาพแต่เข้าถึงสินเชื่อในระบบธนาคารได้ยากลำบาก
“สิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ” ประธานกรรมการบริหาร อีซี่มันนี่ กรุ๊ป เล่าว่าโมเดลธุรกิจของ Easy Money แตกต่างจากโรงจำนำทั่วไป โดยนำเสนอรูปแบบ Asset-Backed Financing หรือสินเชื่อที่ใช้ทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เป็นเงินได้อย่างรวดเร็ว
"คนไทยจำนวนมากมีศักยภาพในมืออยู่แล้ว แต่ระบบการเงินแบบเดิมมองไม่เห็นศักยภาพนั้น"
ลูกค้ากลุ่มสำคัญที่พึ่งพา Easy Money คือ กลุ่มฟรีแลนซ์และผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ที่ไม่สามารถแสดงเครดิตหรือแผนธุรกิจที่ซับซ้อนตามที่ธนาคารต้องการได้ เช่น
สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ การใช้สินทรัพย์ค้ำประกันจึงถูกมองว่าเป็นการ "กู้ยืมจากสินทรัพย์ของตัวเอง" ไม่ใช่การ "ก่อหนี้ใหม่" ที่เสี่ยงติดเครดิตบูโร ทำให้วงการนี้ถูกเรียกว่า "เข้าแล้ว ออกยาก" ในแง่ที่เป็นแหล่งสภาพคล่องชั่วคราวชั้นดีที่ช่วยให้คนตั้งหลักและคว้าโอกาสทางธุรกิจได้ทันท่วงที โดยทรัพย์สิน 5 อันดับแรกที่ได้รับความนิยมในการนำมาเปลี่ยนเป็นทุนได้แก่ ทองคำ เพชร นาฬิกา พระเครื่อง และแบรนด์เนม
ทั้งนี้ ธุรกิจของ Easy Money ได้รับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อจาก 3 สถาบันการเงินหลักรวม 3,000 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นจากระบบการเงินหลัก ซึ่งในประเด็นดังกล่าว “สุธี พนาวร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ผู้เปรียบเสมือนสถาปนิกทางการเงินของบริษัท กล่าวว่า การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ที่โตถึง 30% ซึ่งเร็วกว่าปีก่อนหน้า เป็นผลจากราคาทองคำที่สูงขึ้นและกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเงินไปลงทุน
ขณะ “สิทธิวิชญ์” เสริมว่า ตลาดรับจำนำยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมหาศาล จากฐานสินทรัพย์ที่มีในมือคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทองคำ ที่คนไทยครอบครองมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาท ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นี่คือศักยภาพที่รอการปลดล็อก วิสัยทัศน์หลักของ Easy Money จึงมุ่งยกระดับอุตสาหกรรมจากการเป็น "ทางออกฉุกเฉิน" สู่การเป็น "ประตูสู่โอกาส" และทำหน้าที่เป็น "Bridging Loan" (สินเชื่อระยะสั้น) หรือที่เรียกว่า “โรงเรียนอนุบาลทางการเงิน” (Financial Kindergarten) ที่เปลี่ยนวิธีคิดจากการประเมินด้วย “รายได้”มาเป็นการประเมินจาก “สินทรัพย์” ที่พวกเขามีอยู่ในมือ
เพื่อลบภาพจำเดิมและตอบโจทย์ลูกค้าในยุคดิจิทัล Easy Money จึงมุ่งเน้นการพัฒนาผ่าน 3 เสาหลัก คือ ประสบการณ์ใหม่ (New Experience), เทคโนโลยีเพื่อบริการ (Technology for Service) และการพัฒนาคน (People-Centric)
ด้วยผลประกอบการ 10 เดือนแรกของปี 2568 ที่มีกำไรสุทธิถึง 1,188 ล้านบาท (เติบโตขึ้น 43.96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) Easy Money กำลังจัดระบบบัญชีและเตรียมความพร้อมเพื่อ ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ SET ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจโรงรับจำนำเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่การเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) สำหรับกลุ่มคนที่ถูกระบบการเงินหลักมองข้าม โดยใช้ทรัพย์สินในมือเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกโอกาสนั่นเอง
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https:// www.facebook.com/ThairathMoney