
Gen Z ในสหรัฐฯ ใช้จ่ายเฉลี่ยมากกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ (3,242 บาท) สำหรับซื้อของขวัญช่วงคริสต์มาส
“คริสต์มาส” และ “ปีใหม่” 2 เทศกาลสำคัญที่คนทั่วโลกตั้งตารอ เพราะเข้าใกล้สิ้นปี และช่วงแห่งการเริ่มต้นใหม่ เรื่องนี้ทำให้เงินในกระเป๋าของเราทำงานอย่างหนักเช่นกัน โดยเฉพาะธรรมเนียมการแลกของขวัญที่เป็นสัญลักษณ์ของการส่งต่อความสุข แต่ถ้าเราไม่วางแผนการใช้จ่าย ก็อาจนำมาซึ่งปัญหาทางการเงิน หรือมีหนี้สินติดตัวเราข้ามปีไปด้วย
ยุคของแพงใครๆ ก็ต้องคิดก่อนจ่าย แต่ไม่ใช่กับ Gen Z ในสหรัฐฯ ที่การ “ซื้อของขวัญ” เป็นค่าใช้จ่ายไม่อยากลดลงมากนัก จากผลสำรวจของ EduBirdie ที่ระบุว่า โดยพื้นฐาน Gen Z ใช้เงินมากกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,242 บาท) ในการซื้อของขวัญ
ขณะที่อีก 31% ระบุว่าพวกเขาตั้งใจจะใช้จ่ายมากกว่า 300 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9,726 บาท) และ 12% ได้เตรียมเงินไว้มากกว่า 500 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับของขวัญคริสต์มาสในปี 2025 (ราว 16,210 บาท) ซึ่งนับว่าเป็นรายจ่ายที่ไม่น้อยเลย
ถ้าถามว่าอะไรคือสิ่งที่ผลักดันให้ชาว Gen Z ใช้จ่ายช่วงวันหยุดยาวมากขนาดนั้น? เหตุผลหลัก ๆ คือ ไม่อยากทำตัวเป็นคนขี้เหนียว เนื่องจาก 34% ยอมรับว่าพวกเขาพร้อมจ่ายเงินซื้อของขวัญราคาสูงเพื่อสร้างความประทับใจ ทั้งนี้ Gen Z กว่า 33% ยอมใช้เงินออมตัวเอง อีก 18% มีแผนจะรูดบัตรเครดิตและ 5% ตั้งใจที่จะกู้ยืมเงินเพื่อให้มีเงินพอใช้
จากของขวัญอาจกลายเป็นความกดดันจนทำให้ 35% ของชาว Gen Z กล่าวว่าพวกเขายอมไม่ไปร่วมงานสังสรรค์หรือปาร์ตี้ต่างๆ ในช่วงคริสต์มาส เนื่องจากความตึงเครียดทางการเงิน แต่อีก 36% ยอมรับว่าพวกเขายอมจ่ายบิลค่าใช้จ่ายล่าช้า เพื่อที่จะได้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยในช่วงวันสำคัญนี้
อย่างไรก็ดี เมื่อมีคนที่ใช้เงินเกินตัว ก็มีคนที่สามารถบริหารการเงินของตัวเองได้ดีเช่นกัน เห็นได้จากข้อมูลจากผลสำรวจเดียวกันซึ่งระบุเอาไว้ว่า Gen Z ในสหรัฐฯ ราว 46% มีการกำหนดงบประมาณในการใช้จ่ายสำหรับ Black Friday ที่เหล่าร้านค้ามีการลดราคาสินค้าพิเศษ
เทศกาลแห่งความสุขอาจกลายเป็น “กับดักทางการเงิน” สำหรับบางคน อยู่ที่เราจะวางตัว และวางกระเป๋าเงินอย่างไร
การเป็นสายเปย์ของเราอาจสร้างความกดดันต่อการเงินและความรู้สึกของตัวเอง ดังนั้น เราจึงควรจะมีการวางแผนก่อนใช้จ่าย แต่เราจะทำยังไงให้การเป็นสายเปย์ไม่ส่งผลเสียต่อตัวเองล่ะ?
1. ซื้อของทุกอย่างต้องมีเหตุผล… ที่จำเป็น
ในช่วงเทศกาลสิ้นปีนี้เราอาจเห็นร้านค้าจัดโปรโมชันล่อตาล่อใจแบบจัดหนัก ไม่ว่าจะเป็นสินค้า Limited Edition, ส่วนลดเกินครึ่งราคา หรือโปรผ่อน 0% นาน 10 เดือน ที่ทำให้เราคิดว่าสามารถเป็นเจ้าของสินค้าราคาแพงได้ง่าย ๆ
ทางแก้ที่ง่ายที่สุดคือ “ตั้งสติก่อนควักกระเป๋า” ลองถามตัวเองก่อนว่าสินค้านั้นจำเป็นจริงไหม หรือซื้อมาแล้วช่วยต่อยอดหารายรับเข้ากระเป๋าเราได้หรือเปล่า แค่เปลี่ยนวิธีคิดจากของมันต้องมี มาสู่การซื้อเฉพาะจำเป็น เราก็อาจจะมีเงินเก็บเหลือมากขึ้นได้
2. หยุดการเข้าช่องทางการช้อปปิ้งทุกกรณี
ถ้ารู้ตัวว่าเราเป็นคนอดใจไม่ช้อปปิ้งได้ยาก อาจต้องเริ่มจากการพาตัวเองออกมาจากสิ่งล่อตาล่อใจก่อน เช่น เลิกดูไลฟ์สดขายของตกแต่งบ้านช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่ เลิกกดเข้าแอปช้อปปิ้งช่วงมีโปรโมชันลดกระหน่ำสิ้นปี หรือลดการเดินห้างโดยไม่จำเป็น
เรามีตัวอย่างวิถี Gen Z ในสหรัฐฯ นิยมใช้เช่นกัน เช่น เพื่อระงับความอยากช้อปปิ้ง 16% ถึงกับเลือกที่จะถอนเงินสดออกจากบัญชีจนหมด, 7% ตัดใจลบแอปช้อปปิ้งทิ้ง และอีก 6% ยอมวางสมาร์ทโฟนให้ห่างตัวไปเลย
3. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
ถึงวิธีนี้เราจะได้ยินมาตลอด เรียนมาตั้งแต่เด็ก แต่วิธีง่ายๆ นี้เองจะช่วยให้เราเห็นตัวเลขการใช้จ่ายแบบคร่าว ๆ ว่าในเดือนนี้ใช้จ่ายไปเท่าไหร่แล้ว และถ้าเห็นว่าเริ่มใช้เงินเกินตัวก็ควรเตือนตัวเองไว้ว่าถึงเวลาที่เราต้องประหยัดให้มากขึ้นแล้ว! ซึ่งนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการควบคุมรายจ่ายที่ถ้าเราทำอย่างต่อเนื่องนั้นจะช่วยให้เรามีเงินเพียงพอต่อการซื้อของที่ตั้งใจเอาไว้ได้โดยไม่ต้องก่อหนี้เลย
4. หยุดการรูดบัตรเครดิตแบบเด็ดขาด
บัตรเครดิตเปรียบเสมือนดาบสองคม ถ้าเราใช้ให้ดีก็จะมีประโยชน์ต่อตัวเจ้าของบัตรที่ได้รับส่วนลดซื้อสินค้าเพิ่มเติม แถมยังได้ของสมนาคุณต่าง ๆ อีกด้วย แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราใช้โดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และเผลอรูดจนเกินตัว ก็อาจนำมาซึ่งการเงินติดลบและมีหนี้ตามมา
หนึ่งในทางออกสำหรับคนที่รู้ตัวว่าควบคุมการใช้จ่ายของตัวเองไม่ได้ เช่น เราอาจต้องยกเลิกบัตรเครดิตแล้วหันมาใช้เงินสดแทน เพื่อให้รู้ว่าวันนี้ตัวเองจ่ายไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะง่ายต่อการควบคุมการเงินของเรา
สิ่งเหล่านี้คือแนวทางบริหารการใช้เงินของเรา ถ้าทำได้ เราอาจมีเงินเก็บมากยิ่งขึ้น จนสามารถวางแผนเกษียณ หรือเก็บเงินไปเที่ยวตามที่ต้องการได้ในอนาคต
หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ 32.42 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา : EduBirdie , MAKE by KBank, WISE
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ “การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney