
บัฟเฟตต์เน้นลงทุนในธุรกิจที่เข้าใจอย่างถ่องแท้เท่านั้น หลีกเลี่ยงการลงทุนตามกระแส
“Warren Buffett”
ชื่อที่คนสนใจการเงิน-การลงทุนต้องรู้จัก เพราะเขาคือคุณปู่วัย 95 ปี ที่ได้ฉายาว่า “Oracle of Omaha” เป็นนักลงทุนที่เก่งเป็นอันดับต้นๆ ของโลกจนถูกยกให้เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่
เมื่อกลางปีที่ผ่านมา Buffett ยังกลายเป็นข่าวไปทั่วโลกเพราะเขาตัดสินใจจะวางมือจาก Berkshire Hathaway ภายในสิ้นปี 2025 นี้ พร้อมจะส่งต่อตำแหน่ง CEO ให้กับ Greg Abel หลายๆ คนยังหวังว่าปู่ Buffett อาจจะเปลี่ยนใจ แต่จากจดหมายอำลาผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway ล่าสุดที่เพิ่งออกมา บอกว่าเขาจะเข้าสู่ “โหมดเงียบ” และจะหยุดเขียนจดหมายประจำปีถึงผู้ถือหุ้น ทำให้สาวกของปู่ Buffett ต่างใจหายไปตามๆ กัน
แม้หลังจากนี้ปู่ Buffett จะประกาศอำลาจากนักลงทุน แต่เขาได้ฝากข้อคิดและบทเรียนทางการเงินรวมถึงการใช้ชีวิตไว้อีกมากมาย Thairath Money ขอรวบรวม 5 บทเรียนมาให้อ่านกัน
1. ซื้อเฉพาะสิ่งที่ตัวเองเข้าใจจริง ๆ
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้คุณปู่ Buffett ประสบความสำเร็จ คือเขาเลือกลงทุนเฉพาะในธุรกิจที่เขาเข้าใจจริง ๆ และเป็นกลยุทธ์ที่เขาแนะนำให้นักลงทุนคนอื่นๆ เสมอ อย่างที่เขาเคยบอกผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway ในปี 1997 ว่า “คุณต้องประเมินบริษัทด้วย “วงกลมแห่งความรู้” (circle of competence) ที่คุณมีอยู่ ขนาดของวงกลมนั้นไม่สำคัญเท่ากับการรู้ว่าขอบเขตของวงกลมนั้นอยู่ตรงไหน นั่นต่างหากสำคัญ”
พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเราไม่สามารถประเมินบริษัท หรือเข้าใจในระดับที่อธิบายได้ว่าธุรกิจนั้นทำเงินอย่างไร หรือมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ก็อย่าเพิ่งใส่เงินลงไป แม้ว่ามันจะดู “ฮิต” ในหมู่ผู้คนแค่ไหนก็ตาม ซึ่งนี่ไม่ได้หมายถึงการลงทุนอย่างเดียว แต่ยังรวมถึง “สินค้าตามกระแส” ทั่วไป ที่บางคนซื้อมาแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ด้วย
2. FOMO คือศัตรูตัวร้าย
FOMO ย่อมาจาก Fear of missing out หรือความกลัวตกกระแส เรื่องนี้เจอบ่อยในการลงทุน แต่ด้วยผลงานของปู่ Buffett พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความกลัวในช่วงที่คนอื่นกำลังกล้า และเรากล้าในวันที่คนอื่นกลัว กลยุทธ์นี้ใช้ได้เสมอ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ในช่วงวิกฤติปี 2008 ตลาดนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก Panic เนื่องจากสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง Lehman Brothers ล้มละลาย แต่คุณปู่ Buffett ไม่ได้ปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดมือไป เขาลงทุน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.6 แสนล้านบาท) ใน Goldman Sachs โดยซื้อ “หุ้นบุริมสิทธิ” ที่จ่ายเงินปันผล 10% /ปี จนกระทั่งปี 2011 ทาง Goldman Sachs ซื้อหุ้นนี้คืนจาก Berkshire แต่ก่อนหน้าเหตุการณ์นี้ปู่ Buffett ก็ได้รับเงินปันผล 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.8 หมื่นล้านบาท)
3. ตลาดมักให้รางวัลคนใจเย็น
ใครๆ ก็ให้เครดิตคุณปู่ Buffett ที่เคยพูดไว้ว่า “ตลาดหุ้นคือเครื่องมือในการถ่ายโอนเงินจากคนใจร้อนไม่อดทนไปยังคนใจเย็นที่พร้อมจะทนอด” ซึ่งสะท้อนถึงความจริงที่ว่าการซื้อ-ขายบ่อยครั้งตามอารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ นั้นแทบจะไม่ช่วยสร้างความมั่งคั่งเลย
การพยายามจับจังหวะตลาดมักจะจบลงด้วยการขาดทุน แต่การถือบริษัทที่เติบโตในระยะยาว ๆ อาจนำไปสู่การเติบโตแบบทบต้นที่แข็งแกร่ง เห็นได้จากการลงทุนของปู่ Buffett ใน Coca-Cola (KO) และ Apple (AAPL) ซึ่งเป็นสองบริษัทที่เขาถือมายาวนานหลายปีและสร้างผลกำไรมหาศาลในระยะยาว
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ถ้าอยากประสบความสำเร็จแบบ Warren Buffett อาจต้องเริ่มจากการ “รอ” ให้การลงทุนที่เราคัดสรรดีแล้วค่อย ๆ ผลิดอกออกผล อย่าวิ่งไล่ตามกำไรฉาบฉวยระยะสั้น และหลีกเลี่ยงการขายทิ้งเพียงเพราะเห็นว่าราคาร่วงลงชั่วคราว
4. ซื้อธุรกิจ ไม่ใช่แค่หุ้น
หนึ่งในเสาหลักสำคัญที่ทำให้คุณปู่ Buffett ประสบความสำเร็จ คือการคิดแบบ “เจ้าของธุรกิจ” ที่มองระยะยาว ไม่ใช่คิดแบบ “นักเก็งกำไร” ที่คอยเลือกหุ้น คุณปู่เคยกล่าวไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นปี 1996 ว่า “ถ้าคุณไม่เต็มใจที่จะถือหุ้นตัวไหนนาน 10 ปี ก็อย่าคิดถือมันแม้แต่ 10 นาที” เมื่อคุณซื้อหุ้นบริษัท นั่นหมายความว่าคุณกำลังเป็น “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” หรือก็คือ “เจ้าของร่วม” ในธุรกิจนั้นจริง ๆ
ดังนั้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อหุ้นสักตัว เราควรถามคำถามแบบเดียวกับการเป็นเจ้าของกิจการ เช่น บริษัทนี้ทำเงินได้ยังไง ทีมผู้บริหารของบริษัทเป็นแบบไหน แบรนด์มีความแข็งแกร่งไหม และเราจะได้เปรียบในการแข่งขันเมื่อเราตัดสินใจซื้อหรือเปล่า เป็นต้น
5. มีเงินก็ซื้อเวลาไม่ได้
และข้อสุดท้าย คุณปู่ Buffett เคยให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับเขาแล้ว “เวลา” คือสิ่งที่มีค่าที่สุด เพราะมันคือสิ่งเดียวที่เงินมหาศาลของเขาซื้อกลับมาไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพยายามทำงานให้ฉลาดขึ้นไม่ใช่หนักขึ้น เพื่อไม่ให้มากลืนกินเวลาของชีวิต
เมื่อเวลามีจำกัดและซื้อเพิ่มไม่ได้ คุณปู่จึงเลือกใช้มันกับสิ่งที่ทำให้ตัวเองสนุก เรียบง่าย และมีความสุขเท่านั้น เขาเชื่อว่านี่คือกุญแจสำคัญสู่การมีชีวิตที่ดีและอายุยืนยาว ซึ่งปัจจุบันนี้ Warren Buffett มีอายุ 95 ปีแล้ว!
อย่างไรก็ดี บทเรียนทั้ง 5 ข้อที่ได้เรียนรู้มาจาก Warren Buffett นั้น ทำให้รู้ได้ว่าเราไม่จำเป็นต้องรวยเร็ว เราสามารถรวยแบบช้า ๆ แต่มั่นคงได้ และถ้าคิดจะลงทุน ต้องมีความอดทนและศึกษาให้ดีก่อน ซึ่งทั้งหมดนี้ ผู้อ่านสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้ ไม่แน่ว่าสักวัน คุณอาจเป็นตำนานด้านการเงิน-การลงทุน เหมือนคุณปู่ที่มีชื่อว่า “Warren Buffett”
หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ 32.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา : Business Insider [1] [2], Investopedia, Finnomena, Wise
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney