ลงทุนทองยังไงให้ไม่ติดดอย เปิดแนวโน้มราคา และ 3 เช็กลิสต์ที่ควรรู้

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ลงทุนทองยังไงให้ไม่ติดดอย เปิดแนวโน้มราคา และ 3 เช็กลิสต์ที่ควรรู้

Date Time: 29 ต.ค. 2568 15:07 น.

Video

เช็กให้ชัวร์ คุณอาจกำลัง "พลาด" โอกาสประหยัดภาษีหลายหมื่น! | Thairath Money Night Stand EP.22

Summary

แม้ราคาทองวันนี้เปิดตลาดเพิ่มขึ้น 900 บาท แต่ยังมีนักลงทุนบางคนติดดอยอยู่ เพราะซื้อตอนราคาสูง ควรทำยังไงต่อ? แล้วคนที่อยากซื้อตอนนี้ยังทันไหม?

“ทองคำ” หนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนหันไปทุ่มเงินให้มากที่สุดในปีนี้ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ใคร ๆ ก็ต้องการครอบครอง แต่ตอนนี้ราคาทองคำมีความผันผวนหนัก ซึ่งทำให้นักลงทุนหลายคนกังวลว่าจะไปต่อหรือพอก่อนดี?

ติดดอยทองคำ ทำยังไงดี?

เชื่อว่าช่วงนี้หลายคนคงเห็นว่าราคาทองคำกำลังผันผวนหนัก เดี๋ยวปรับพุ่งสูง เดี๋ยวดิ่งลง ล่าสุดมีการปรับราคาทองคำไทยครั้งที่ 1 ของวันที่ 29 ต.ค. ปี 68 เพิ่ม 900 บาท ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ณ เวลา 9.03 น. โดยมีราคาดังนี้

ทองแท่ง

  • รับซื้อ 60,700.00 บาท
  • ขายออก 60,800.00 บาท

ทองรูปพรรณ

  • รับซื้อ 59,487.84 บาท
  • ขายออก 61,600.00 บาท

แม้วันนี้ราคาจะปรับขึ้น แต่หากย้อนกลับไปเมื่อสองวันที่ผ่านมา (วันที่ 27-28 ต.ค. ปี 68) ราคาทองคำไทยมีการปรับลดลงไปแล้วกว่า 3,800 บาท ทำให้นักลงทุนหลายคน “ติดดอย” โดยเฉพาะคนที่ซื้อในตอนที่ราคา 67,400 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาสูงสุดของราคาทองคำ (ข้อมูลราคาทองคำแท่งขายออก ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2568 (ครั้งที่ 7))

ซึ่งทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา เคยระบุเอาไว้ว่า ความเสี่ยงติดดอยของการลงทุนทองคำนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอหากเราเข้าซื้อทั้งหมดในครั้งเดียวในขณะที่ราคาสูง แต่หากมองแนวโน้มราคาทองคำปี 2568 ในระยะยาวที่ยังเป็นขาขึ้น การใช้กลยุทธ์ทยอยซื้อ (DCA) จะช่วยเฉลี่ยต้นทุน และลดความเสี่ยงการติดดอยได้

บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด ได้ให้คำแนะนำการลงทุนสำหรับผู้ที่ติดดอยว่า สามารถรอดูสถานการณ์ต่ออีก 1 สัปดาห์ก่อนตัดสินใจว่าจะไปทางไหนต่อ ทั้งนี้ หากราคาทองคำเข้าสู่รอบการพักฐานจริง จังหวะการเข้าซื้อรอบใหม่อาจอยู่ในช่วงปลายพฤศจิกายนถึงธันวาคม ซึ่งตลาดจะเริ่มเก็งกำไรการลดดอกเบี้ยรอบถัดไปของเฟดอีกครั้ง

และถ้าถามว่าเราจะมีแนวทางการลงทุนกับทองยังไงไม่ให้ติดดอยได้บ้าง? ธนาคารกรุงศรีอยุธยาให้คำแนะนำให้เราถามตัวเองด้วย 3 เช็กลิสต์นี้ก่อนลงทุน ได้แก่

1. ตัวเรามองทิศทางเศรษฐกิจและดอกเบี้ยยังไง?

ถามตัวเองก่อน เราเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ไหม? เพราะการลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าและเป็นผลดีต่อราคาทอง หรือเรามองว่าความไม่แน่นอนของโลกยังคงดำเนินต่อไปและทองคำยังจำเป็นต้องมีในฐานะที่พักเงินที่ปลอดภัยอยู่หรือเปล่า?

ถ้าคำตอบของคำถามข้างต้นคือ “ใช่” การลงทุนในทองคำก็ยังถือว่าน่าสนใจสำหรับเราอยู่

2. เรามี “เงินเย็น” ที่พร้อมลงทุนระยะยาวไหม?

ทองคำไม่ใช่สินทรัพย์ที่เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น หรือเอา “เงินร้อน” มาลงทุนเนื่องจากทองคำไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย หรือเงินปันผล ผลตอบแทนจะมาจากส่วนต่างราคาเท่านั้น ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลา การลงทุนในทองคำจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มี “เงินเย็น” ที่สามารถลงทุนทิ้งไว้ได้อย่างน้อย 1-3 ปีขึ้นไป โดยไม่กระทบกับสภาพคล่องในชีวิตประจำวัน

3. คุณมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนแค่ไหน ?

นักลงทุนจำนวนมากซื้อทองเพราะ “กลัวตกขบวน” (FOMO) โดยไม่มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน ซึ่งเสี่ยงต่อการ “ติดดอย” อย่างมากหากเข้าซื้อทั้งหมดในช่วงที่ราคาสูงไปแล้ว กลยุทธ์ที่ Krungsri The COACH แนะนำจึงเป็นการทยอยลงทุนแบบ DCA ซึ่งเป็นการแบ่งเงินเข้าซื้อเป็นงวด ๆ เพื่อเฉลี่ยต้นทุน และลดความเสี่ยงจากการเข้าลงทุนผิดจังหวะ

ซื้อทองตอนนี้ดีไหม แนวโน้มเป็นยังไงบ้าง?

และสำหรับคนที่กำลังคิดว่าซื้อทองดีไหมในช่วงนี้ Thairath Money ได้รวบรวมบทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำล่าสุด (29 ต.ค. ปี 68) มาดังนี้

วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล (YLG) มองแนวโน้มของราคาทองคำเป็นแบบ Sideway แนะนำกลยุทธ์เสี่ยงซื้อหากไม่หลุด 3,886-3,875 ดอลลาร์สหรัฐ และตัดขาดทุนหากหลุด 3,875 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรอดูทิศทางการเคลื่อนไหวอีกครั้ง

สำหรับราคาทองคำในประเทศ มีแนวรับอยู่ที่ 59,300 บาท, 58,900 บาท, 58,050 บาท ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 61,600 บาท, 62,150 บาท, 63,350 บาท

ด้าน ฮั่วเซ่งเฮง มีความเห็นว่า ต้องจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต่อ หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอาจหนุนราคาทองคำได้ระดับหนึ่งแต่ไม่มากนัก สำหรับคนที่มีทองคำอยู่แล้วให้ลงทุนเป็นระยะสั้น ขายออกไปก่อนรอฟื้นตัว และตัดขาดทุนที่ 4,050 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนราคาทองคำในประเทศมองแนวรับอยู่ที่ 59,900 บาท หรือ 59,550 บาท และแนวต้าน 61,200 บาท หรือ 62,500 บาท

อย่างไรก็ดี อย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาให้ดีก่อน และควรลงทุนในทองคำในสัดส่วนที่เหมาะสม และติดตามข่าวสารอยู่เสมอ

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ