“ผ่อนทุกเดือน แต่ไม่ได้บ้าน”อธิบายเคสในโหนกระแส กับความเข้าใจผิด "ดอกเบี้ยบ้าน-ผ่อนบ้านกับเจ้าของ"

Personal Finance

Financial Planning

Tag

“ผ่อนทุกเดือน แต่ไม่ได้บ้าน”อธิบายเคสในโหนกระแส กับความเข้าใจผิด "ดอกเบี้ยบ้าน-ผ่อนบ้านกับเจ้าของ"

Date Time: 29 ต.ค. 2568 10:05 น.

Video

Oracle ขายอะไร โตแบบเงียบๆ แต่กินเรียบทุกยักษ์ AI ? | Digital Frontiers EP.47

Summary

จากเรื่องราว วิมานหนาม ในรายการ “โหนกระแส” สู่บทเรียนการเงินจริง หลุมพรางดอกเบี้ยบ้าน และความต่างระหว่าง “ผ่อนกับธนาคาร” กับ “ผ่อนกับเจ้าของบ้าน” ที่คนไทยส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิด

“ผ่อนทุกเดือน เงินหักเข้าแต่ดอกเบี้ย เงินต้นลดไม่ถึงร้อย!”

นี่คือคำบอกเล่า ของผู้เสียหายรายหนึ่ง บนรายการ โหนกระแส วันที่ 28 ตุลาคม 2568ซึ่งกลายเป็นไวรัลชั่วข้ามคืน เพราะมันสะท้อน “หลุมพรางการผ่อนบ้าน” ที่หลายคนอาจเข้าใจผิดมานาน

ขณะที่หญิงอีกคนในรายการเล่าว่า เธออายุมากแล้ว เคยยื่นขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารแต่ไม่ผ่านจึงหันไปซื้อบ้านผ่านนายหน้า ด้วยเงื่อนไข “ผ่อนตรงกับเจ้าของบ้าน” โดยไม่ต้องกู้ธนาคารเธอจ่ายค่างวดทุกเดือน คิดว่าเมื่อผ่อนครบ บ้านจะเป็นของตัวเอง แต่สุดท้าย บ้านกลับถูกยึด เพราะเจ้าของเดิมนำบ้านไปจำนองกับธนาคาร โดยที่เธอไม่เคยรู้เงินที่จ่ายมาตลอดหลายปี ไม่ได้หักเข้าเงินต้นแม้แต่น้อย บ้านในฝันจึงกลายเป็น “วิมานหนาม” ที่เจ็บทั้งกายและใจ

จากรายการโหนกระแส สู่คลาส “การเงินการธนาคาร 101”

จากประเด็นถกเถียงบนโลกออนไลน์ รศ.ดร.นงนุช ตันติสันติวงศ์ นักเศรษฐศาสตร์และอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน–การธนาคาร ได้โพสต์อธิบายให้ความรู้ในหลายบทเรียนย่อย ให้ขบคิด

บทที่ 1: ดอกเบี้ย ของ “สินเชื่อบ้าน” 

ดร.นงนุช อธิบายว่า คนจำนวนมากมักเข้าใจผิดว่า “สินเชื่อบ้าน” คิดดอกเบี้ยคงที่ตลอดอายุสัญญาแต่ในความเป็นจริง สินเชื่อบ้านมีทั้งแบบคงที่ (Fixed Rate) และ แบบลอยตัว (Floating Rate)

  • แบบคงที่ มักคงอัตราเดิมเพียง 1-3 ปีแรก
  • หลังจากนั้น ดอกเบี้ยจะลอยตัวตามอัตราอ้างอิง (MLR / MRR) ของแต่ละธนาคาร

ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจเปลี่ยน ดอกเบี้ยขึ้น  ค่างวดก็เพิ่มขึ้นตาม

บทที่ 2: “ลดต้นลดดอก” แต่ทำไมเงินต้นไม่ลด?

อีกความเข้าใจผิดคือ หลายคนคิดว่า “ลดต้นลดดอก” หมายถึงดอกเบี้ยลดเร็ว แต่ในความเป็นจริง ช่วงแรกของสัญญา ดอกเบี้ยจะเป็นสัดส่วนใหญ่ของค่างวด

ตัวอย่างในรายการ

สัญญาผ่อนบ้าน 1.7 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5% ต่อปี ค่างวดเดือนละ 7,000 บาท เดือนแรก “เงินต้น” ถูกหักเพียง 98 บาท ส่วนที่เหลือกว่า 6,900 บาท คือดอกเบี้ยทั้งหมด

นั่นหมายความว่า เดือนต่อไป ดอกเบี้ยยังคงเกือบเท่าเดิม เพราะเงินต้นลดไปเพียง 98 บาทเท่านั้นเมื่อลองคำนวณต่อ พบว่า

  • ปีแรกเงินต้นลดรวมไม่ถึง 1,200 บาท
  • ครบ 10 ปี เงินต้นที่ลดได้เพียงราว 12,000 บาทเท่านั้น

“ถ้าคุณผ่อนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คุณอาจต้องใช้เวลามากกว่า 80 ปี เพื่อปิดหนี้บ้านหลังเดียว”

บทที่ 3: อยากให้เงินต้นบ้านลดเร็ว ต้องทำอย่างไร

  1. ทำสัญญาผ่อนระยะสั้น (ไม่เกิน 10–15 ปี)
  2. จ่ายเกินค่างวดในแต่ละเดือน เพื่อให้ตัดเงินต้นได้มากขึ้น
  3. รีไฟแนนซ์เมื่อครบช่วงดอกเบี้ยโปรโมชั่น เพื่อลดภาระดอกเบี้ยรวม

บทที่ 4: ทำไม “ผ่อนกับเจ้าของ” เสี่ยงกว่าที่คิด

ดร.นงนุชชี้ว่า วิธี “ผ่อนตรงกับเจ้าของบ้าน” คล้ายสินเชื่อเช่าซื้อ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าของหรือนายหน้าไปกู้ธนาคารก่อน แล้วนำทรัพย์นั้นมาปล่อยเช่าซื้อต่อ

“ค่างวดที่ผู้เช่าซื้อจ่าย มักต่ำกว่าค่างวดที่เจ้าของต้องจ่ายธนาคารเมื่อสภาพคล่องสะดุด เจ้าของจ่ายธนาคารไม่ไหว บ้านก็ถูกยึด”

งานนี้ ผู้เช่าซื้อจึงกลายเป็นผู้เสียหายเต็มตัว บ้านไม่ได้ เงินก็หาย

บทที่ 5: ธุรกรรมแบบนี้ผิดกฎหมายหรือไม่?

ขึ้นอยู่กับ “วัตถุประสงค์” ของผู้ขายเช่าซื้อหากมีการขอสินเชื่อโดยอ้างหลักฐานเท็จ เช่น การทำรายการประกันสังคมปลอม เพื่อผ่านการอนุมัติอาจเข้าข่ายธุรกรรมทุจริตรวมถึงการปล่อยเช่าซื้อทรัพย์ที่ติดจำนอง อาจขัดต่อเงื่อนไขสินเชื่อธนาคาร

“ผ่อนบ้านกับเจ้าของบ้านโดยตรง” ความเสี่ยงที่หลายคนไม่รู้


Thairath Money เจาะข้อมูลจากเว็บไซต์ DDproperty ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อ-ขาย อสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยเพิ่มเติม เพื่อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดขึ้น โดยในเว็บไซต์มีการอธิบายให้ความรู้เรื่องนี้ไว้ว่า การผ่อนบ้านกับเจ้าของเดิม (ไม่ผ่านธนาคาร) แม้ดูง่ายและไม่ต้องตรวจเครดิต แต่ถือเป็น ธุรกรรมที่เสี่ยงสูงมาก เพราะไม่มีหน่วยงานกำกับ พร้อมอธิบายว่า การ “ผ่อนบ้านกับธนาคาร” กับ “ผ่อนกับเจ้าของบ้าน” มีความต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งในแง่กฎหมายและความเสี่ยงต่อผู้ซื้อ หากผ่อนกับธนาคาร ผู้กู้จะมีสัญญากู้ยืมที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเมื่อผ่อนครบจึงมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นของผู้กู้ 

ขณะที่ธนาคารถือโฉนดไว้เป็นหลักประกันระหว่างสัญญา ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยสูง เพราะกฎหมายคุ้มครองสิทธิ์ของผู้กู้ อีกทั้งระบบคำนวณดอกเบี้ยยังชัดเจน เป็นแบบลดต้นลดดอกจริง ทำให้เงินต้นค่อย ๆ ลดลงตามเวลาที่ผ่อน 

แต่ในทางกลับกัน หากผ่อนกับเจ้าของบ้านโดยตรง มักไม่มีการโอนชื่อหรือหลักประกันทางกฎหมายใด ๆ ผู้ผ่อนไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สิน แม้จะจ่ายครบตามข้อตกลง ดอกเบี้ยหรือค่างวดที่จ่ายก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกันเป็นรายกรณี 

บางรายเรียกว่า “เช่าซื้อ” ทั้งที่ในทางกฎหมายอาจไม่ใช่ ทำให้เจ้าของยังสามารถนำโฉนดไปจำนองต่อธนาคารได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตผู้ผ่อน ส่งผลให้ผู้ผ่อนมีความเสี่ยงสูงมากที่จะสูญเงินไปโดยไม่ได้บ้านในที่สุด

บทเรียนราคาแพงจาก “วิมานหนาม”

  1. ก่อนเซ็นสัญญา ต้องตรวจสอบ ชื่อในโฉนด และสถานะภาระจำนอง
  2. ถ้าไม่มีชื่อคุณในเอกสารสิทธิ์  อย่าเพิ่งจ่ายแม้แต่บาทเดียว
  3. ระวังคำโฆษณา “ผ่อนง่าย ไม่ต้องกู้ธนาคาร” เพราะเบื้องหลังมักแฝงความเสี่ยง
  4. ใช้เครื่องคำนวณสินเชื่อออนไลน์เช็ก “เงินต้น-ดอกเบี้ย” ทุกครั้งก่อนตัดสินใจ

สุดท้าย อย่าดูแค่ว่าผ่อนไหว ให้ดูด้วยว่า “ผ่อนแล้วได้บ้านจริงไหม” เพราะในโลกการเงิน  ความเข้าใจผิด มักแพงที่สุดเสมอ


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

อุมาภรณ์ พิทักษ์

อุมาภรณ์ พิทักษ์
เศรษฐกิจ การเงิน ลงทุน และ อสังหาริมทรัพย์