ถอดรหัสความคิด “ซีเค เจิง vs ดิว วีรวัฒน์” คนรุ่นใหม่ อยากมั่นคง ต้องยอมแลก แรง-เวลา

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ถอดรหัสความคิด “ซีเค เจิง vs ดิว วีรวัฒน์” คนรุ่นใหม่ อยากมั่นคง ต้องยอมแลก แรง-เวลา

Date Time: 22 ต.ค. 2568 17:52 น.

Video

จาก "รวยเงิน จนเวลา" สู่เกษียณ 35! ของพอล ภัทรพล? l Money Secret EP.13

Summary

"ซีเค เจิง" ซีอีโอแห่ง Fastwork และ "ดิว-วีรวัฒน์ วลัยเสถียร" นักธุรกิจและนักลงทุน ร่วมแชร์วิสัยทัศน์ด้านการเงินและการลงทุนอย่างดุเดือด บนเวที Thairath Money Campus Tour 2025 ณ มหาวิทยาลัยมหิดล

เวที Thairath Money Campus Tour 2025 ณ มหาวิทยาลัยมหิดล กลายเป็นเวทีที่จุดประกายความคิดและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ เมื่อสอง Finfluener ชื่อดังได้มาร่วมแชร์วิสัยทัศน์ด้านการเงินและการลงทุนอย่างดุเดือด

"ซีเค เจิง" ซีอีโอแห่ง Fastwork แพลตฟอร์มฟรีแลนซ์ชั้นนำ ตัวแทนของนักคิดนอกกรอบที่เน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด และ "ดิว-วีรวัฒน์ วลัยเสถียร" นักธุรกิจและนักลงทุนผู้คร่ำหวอด ตัวแทนของความยั่งยืนและการสร้างกระแสเงินสด

ทั้งคู่ได้นำเสนอมุมมองที่เหมือนและแตกต่างกันไปในหลายประเด็น ตั้งแต่สินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างคริปโตเคอเรนซี่ ไปจนถึงการลงทุนหุ้นปันผล สะท้อนให้เห็นว่า "สูตรสำเร็จ" สู่ความมั่งคั่งนั้น อาจมีได้หลายรูปแบบ


“คริปโตเคอเรนซี่” ความเสี่ยงที่คนรุ่นใหม่ “ควร” หรือ “ไม่ควร” แลก?

ในประเด็นสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ซีเค เจิง มองว่าการที่คนรุ่นใหม่มุ่งหวัง "รวยเร็ว" จากคริปโตเคอเรนซีนั้น สะท้อนว่ายังไม่เข้าใจพื้นฐานการลงทุน โดยเขาเน้นย้ำว่าไม่มีอะไรรวยได้ง่าย และสิ่งสำคัญสำหรับการลงทุนคือต้องเข้าใจว่ากำลังลงทุนกับอะไร

และเตือนสติว่าหากสินทรัพย์ใด ที่ทุกคนกำลังพูดถึงกันเป็นวงกว้าง อาจสายไปแล้วสำหรับการลงทุน ดังนั้น โอกาสรวยที่แท้จริงคือการ "สวนกระแส" หรือการมองเห็นโอกาสในสิ่งที่คนอื่นยังไม่เห็น การตามกระแสไม่สามารถทำให้ใครรวยได้จริง

ในขณะที่ ดิว-วีรวัฒน์ มองว่า แม้ข้อจำกัดของคนรุ่นใหม่จะอยู่ที่ต้นทุนที่มีจำกัด แต่ข้อได้เปรียบคือเวลา และปัจจุบันสามารถหาข้อมูลต่างๆ ได้มากมาย ดังนั้น หากอยากรวยต้องเสี่ยง ถึงไม่ประสบความสำเร็จก็เกิดความเสียหายน้อย และยังมีเวลาเริ่มใหม่

อย่างไรก็ตาม คริปโตเคอเรนซี แม้จะมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนก้าวกระโดด แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่สามารถทำให้ต้นทุนทั้งหมดหายไป ดังนั้น จึงแนะนำว่าเวลาได้ผลตอบแทนมาแล้วต้องหยุด แล้วนำกำไรไปลงทุนในสิ่งที่ยั่งยืนกว่า


หุ้นปันผล = หุ้นหยุดโต หรือ เครื่องจักรผลิตเงินสด?

มุมมองต่อหุ้นปันผลของทั้งคู่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดิว-วีรวัฒน์ เล่าถึงจุดเปลี่ยนของตนเองว่า หุ้นปันผลคือคำตอบสำหรับคน "ไม่มีเวลาเทรด" แม้จะมีคนบอกว่าเป็นหุ้นที่เซียนหุ้นไม่เล่นกัน

ในอดีตเขายุ่งกับธุรกิจฟาร์มปลา 24 ชั่วโมง แต่อยากมีรายได้ทางอื่น จึงเริ่มซื้อหุ้นพื้นฐานดี ที่มีปันผลปันผลยั่งยืนและสม่ำเสมอ 7-8% หลังจากนั้น 20 ปี จึงสะสมมาเรื่อยๆ จากทั้งเงินปันผล และเงินจากการทำงาน ทำให้พอร์ตการลงทุนเติบโตอย่างมาก

สำหรับ ซีเค เจิง มีมุมมองที่น่าสนใจว่า "หุ้นปันผลไม่ได้ทำให้รวย" ซึ่งสร้างผลตอบแทนมหาศาลไม่ได้ ขณะที่ผลตอบแทน 7% ต่อปี ก็ไม่สามารถนำไปเลี้ยงชีพได้เช่นกัน

นอกจากนี้ เขามองว่าบริษัทที่ปันผล คือบริษัทที่ "ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรต่อ" หรือหมดศักยภาพการเติบโตแล้ว ในทางกลับกัน ธุรกิจที่จะเติบโตสูงๆ จะนำเงินทุกบาทไป "ขยายธุรกิจและนวัตกรรม" โดยไม่ปันผล


ทางรอดคนรุ่นใหม่ หารายได้เพิ่ม-สร้างความขาดไม่ได้

สำหรับคำแนะนำถึงคนรุ่นใหม่ ดิว-วีรวัฒน์ ให้แนวทางที่จับต้องได้ โดยเริ่มจาก "ลงทุนในความรู้" ในสายอาชีพของตนเองก่อน และต้องทำการบ้านอยู่ตลอดว่าตลาดต้องการอะไร จากนั้นเมื่อเริ่มทำงานให้พยายามเก็บเงิน

นอกจากนี้ ต้องมองหารายได้ทางที่สองจากความถนัดของตนเอง เพราะรายได้ทางเดียวอาจไม่พอ อย่างไรก็ตาม หากไม่ถนัดอะไรเลย รายได้ทางที่สองอาจมาจากการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือหน่วยลงทุนต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันมีตัวเลือกมากมาย

เขาย้ำว่าคนรุ่นใหม่ยังมี "เวลาและแรง" ที่จะเสี่ยงได้

ส่วน ซีเค เจิง แนะนำคนรุ่นใหม่ว่าสิ่งที่ต้องทำคือ "ทำอย่างไรให้เราโดดเด่นกว่า AI" และสร้างตัวเองให้เป็นคนที่ "ถูกทดแทนไม่ได้" ในองค์กร ต้องพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นทุกวัน

ซีเค เชื่อมั่นว่า "คนเก่งไม่เคยมีปัญหากับการหาเงิน" และโอกาสจะเข้ามาหาพวกเขาเสมอ พร้อมย้ำว่าอย่าตามหาความมั่นคง เพราะไม่มีงานที่มั่นคงอีกต่อไป แม้แต่อาชีพที่เคยถูกมองว่ามั่นคง ก็อาจถูก AI ทดแทนได้ในอนาคต


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ