
“อยากซื้อหุ้นทั้งตลาดแต่ค่าธรรมเนียมถูก ต้องซื้อ ETFs”
หลายคนอาจรู้จัก Exchange Traded Fund หรือ ETFs ในฐานะกองทุนรวมที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ที่ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายได้เสมือนซื้อขายหลักทรัพย์ทั่วไป
แต่วันนี้กองทุน ETFs ได้พัฒนาไปอีกขั้น และอาจเป็นตัวช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรไม่ว่าตลาดจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง นั่นคือ Leveraged & Inverse ETFs ว่าแต่ก่อนจะซื้อกองทุนนี้ เรามาเจาะลึกทั้งความเสี่ยง และสิ่งที่ต้องรู้ก่อนเข้าลงทุน
“Leveraged & Inverse ETFs” หรือ L&I ETFs เป็นกองทุน ETFs รูปแบบหนึ่ง ที่มีต้นแบบมาจากประเทศไต้หวัน ซึ่งเพิ่มทางเลือกในการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุน ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 แบบ 3 ประเภท คือ
1. แบบทวีคูณ (Leveraged)
Leveraged ETF ให้ผลตอบแทนเป็นบวกในทิศทางเดียวกับตลาด แต่เป็นจำนวนเท่าที่สูงขึ้น เช่น ถ้าลงทุนในประเภท Leveraged ETF (2X) ที่จะให้ผลตอบแทน 2 เท่า เมื่อผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิงเป็นขาขึ้น เช่น หากดัชนีอ้างอิงปรับเพิ่มขึ้น 2% ผู้ลงทุนก็จะได้รับผลตอบแทน 4% เป็นต้น
2. แบบตรงกันข้าม (Inverse)
Inverse ETF ให้ผลตอบแทนเป็นบวกสวนทางกับตลาดที่ติดลบ ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้หากตลาดหุ้นเป็นขาลง โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
ถ้าถามว่า L&I ETFs แตกต่างจาก ETFs ทั่วไปยังไง? อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ความเสี่ยง และโอกาสในการสร้างผลตอบแทนต่างกัน เพราะ ETFs ทั่วไป จะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง
แม้ผลตอบแทนจะพุ่งแรงโดนใจหลายคน แต่ความเสี่ยงของ L&I ETFs ก็สูงเช่นกัน เพราะหากเราลงทุน L&I ETFs ที่ให้ผลตอบแทนแบบทวีคูณแล้วคาดการณ์ผิดไป จะไม่ใช่แค่เราไม่ได้ผลตอบแทน 2 เท่าตามที่วางแผนไว้ แต่นั่นหมายถึงเราต้องขาดทุน 2 เท่าเช่นกัน ซึ่งจะมีความเสี่ยงมากกว่าการลงทุนใน ETF ทั่วไป
จักรพันธ์ ติระศิริชัย ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การลงทุนแบบ L&I ETFs เหมาะสำหรับ “สายซิ่ง” แต่งบไม่เยอะ อยากได้ผลตอบแทนสูง เช่น ลงทุนไป 1 แต่ได้กลับมา 2 เท่า ซึ่งอาจตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบความเสี่ยงในระดับกลาง
ดังนั้น เมื่อผลิตภัณฑ์นี้มีความเสี่ยง จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีความรู้ ความเข้าใจ และติดตามข่าวสารด้านการลงทุน-เศรษฐกิจ รวมไปถึงแนวโน้มตลาดเพื่อที่จะมองเห็นโอกาสในการทำกำไรจากตลาดทั้งขาขึ้นและขาลง
ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนควรใช้ L&I ETFs เพื่อเทรด หรือสร้างผลกำไรระยะสั้น เพราะการถือยาวอาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดไซด์เวย์ (Sideways) หรือตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันการลงทุน L&I ETF ในตลาดไทยนั้นยังอ้างอิงดัชนี SET50 เพียงอย่างเดียว แต่ในอนาคตอาจมีผลิตภัณฑ์อื่นให้เราได้ลงทุนเนื่องจากตลท. วางแผนจะเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนและกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นๆ ด้วย คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 1 ปี 2569
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney