
กระแสของ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น หรือ รัชนก สุวรรณเกตุ กำลังมาแรง จากการรับงานไลฟ์สดขายสินค้าของแบรนด์ต่าง ๆ ในช่อง TikTok ของตัวเอง จนสร้างปรากฏการณ์ออเดอร์และยอดขายในแต่ละวันพุ่งหลักล้านบาท! (บางคนว่าไปถึงร้อยล้านกันแล้ว)
ทว่าเมื่อมียอดขาย เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ หลายคนเลยสงสัยเกี่ยวกับ ‘ภาษี’ ที่ผู้รับจ้างไลฟ์สดขายสินค้า รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะต้องนำส่งกรมสรรพากร Thairath Money จะพาผู้อ่านไปทำความเข้าใจเรื่องภาษีที่ใครทำธุรกิจออนไลน์ ควรรู้ไว้
ขึ้นชื่อว่า “ภาษี” มีรายละเอียดยิบย่อยมากมาย เช่นถ้าเราเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่มีรายได้จากการขายของออนไลน์ เมื่อจะยื่นภาษีจริง เราต้องแบ่งการยื่นให้ถูกประเภท ดังนั้น Thairath Money อยากชวนมาทำความเข้าใจว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีแบบไหน ซึ่งจะมี 8 ประเภท คือ
กลับมาที่คำถามของเราคือ “คนที่รับจ้างไลฟ์ขายของต้องเสียภาษีประเภทไหน?” จากการสอบถามกับกรมสรรพากรพบว่า ถ้าคนที่รับจ้างไลฟ์ขายของนั้นจะจัดเป็นเงินได้ประเภท 40(2) ซึ่งเป็นเงินได้ของบุคคลธรรมดาที่ได้รับจากการทำงานให้ผู้ว่าจ้าง ส่วนกรณีคนขายของออนไลน์ จะถูกจัดเป็นเงินได้ประเภท 40(8)
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาต้องยื่นภาษีจริง อาจมีรายละเอียดและวิธียื่นไม่เหมือนกัน เช่น กรณีของเงินได้กลุ่มคนขายของออนไลน์ ที่เป็นประเภท 40(8) บางคนต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี (ภ.ง.ด.94) ถ้าคุณมีรายได้เข้าเงื่อนไขตามนี้ คือ ในช่วง ม.ค. ถึง มิ.ย. มีเงินได้ประเภทที่ 5-8 และ มีจำนวนเกิน 60,000 บาท ก็ต้องยื่น ภ.ง.ด.94 ภายใน 1 ก.ค. ถึง 30 ก.ย. ของแต่ละปี
แน่นอนว่า ใครที่ยื่น ภ.ง.ด.94 ไปแล้ว จะเหมือนการจ่ายภาษีล่วงหน้า ดังนั้นในปีถัดไปยังต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ.ง.ด.90) ที่ต้องยื่นภายในวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคมของปีถัดไป ส่วนเงินภาษีที่เราจ่ายไปแล้วในงวดครึ่งปี สามารถนำมาเป็น เครดิตหรือหักออกจากยอดภาษีที่ต้องชำระตอนสิ้นปี (ภ.ง.ด. 90) ได้
นอกจากนี้อีกภาษีสำคัญที่ คนค้าขายออนไลน์ต้องคิดถึงคือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยเฉพาะถ้ายอดขายของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รวมทั้งปี เกิน 1.8 ล้านบาท ภายใน 30 วันหลังยอดขายถึงเป้าหมายนี้ต้องไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร จะคำนวณภาษี 2 วิธี เปรียบเทียบกัน และชำระตามวิธีที่คำนวณได้มากกว่า
เริ่มจากการนำเงินได้พึงประเมินทั้งหมดมารวมกัน จากนั้นหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนภาษี จะได้ออกมาเป็น 'เงินได้สุทธิ' เมื่อคูณกับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได ก็จะได้ยอดภาษีที่ต้องจ่าย
สรุปง่าย ๆ คือ เงินได้สุทธิ (เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อนฯ) x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย
นำเงินได้พึงประเมิน คูณด้วยอัตราภาษี 0.5% จะเท่ากับยอดภาษีที่ต้องจ่าย = ภาษีที่ต้องจ่าย
แต่หากคูณออกมาแล้วมียอดภาษีที่ต้องชำระไม่เกิน 5,000 บาท ให้เสียภาษีตามวิธีที่ 1
อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายคนคงเห็นภาพและเข้าใจภาษีสำหรับคนที่รับจ้างไลฟ์ขายของ และขายของออนไลน์แล้ว เรามาดูในส่วนของการลดหย่อนภาษีฯ กันบ้าง ว่าจะมีทางเลือกแบบไหนบ้าง
สิทธิลดหย่อนฯ ภาษี 2568 ที่ควรรู้
1. ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัวและครอบครัว เช่น
2. ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มประกันฯ เงินออม และการลงทุน เช่น
3. ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มเงินบริจาค เช่น
4. ค่าลดหย่อนกลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ เช่น
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้รับจ้างไลฟ์สดหรือเจ้าของร้านค้าออนไลน์ ‘ภาษี’ ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป การทำความเข้าใจประเภทรายได้ วิธีคำนวณ และการใช้สิทธิลดหย่อนอย่างถูกต้องนั้นจะมีส่วนช่วยให้เราจัดการกับภาษีและบริหารเงินได้อย่างลงตัว
ที่มา: กรมสรรพากร [1] [2] [3] [4], ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, สมาคมนักวางแผนการเงินไทย, Finnomena.
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney