
“ถ้าเราจากไป เงินในบัญชีธนาคารจะเป็นยังไงต่อ?”
คำถามเกี่ยวกับ ‘เงินในบัญชีผู้ตาย’ เริ่มเห็นมากขึ้นหลังภาพยนตร์เรื่อง “ลักกันวันตาย” ออนแอร์ไปใน Netflix เมื่อไม่กี่วันก่อน หนังเรื่องนี้เล่าถึง พนักงานธนาคารสองคนที่วางแผนขโมยเงินหลักสิบล้านจากบัญชีของลูกค้าที่เสียชีวิตไปแล้ว 3-4 ปี มาใช้เรื่องส่วนตัว ทว่าเรื่องก็บานปลายขึ้นเรื่อยๆ
สถานการณ์นี้ทำให้หลายคนสงสัยว่า ในชีวิตจริงถ้าเราจากไปแล้วแต่ยังมี “เงินฝาก” อยู่ในธนาคาร เงินนั้นจะต้องทำอย่างไรต่อ ใครจะได้ไป? Thairath Money จะพาทุกคนไปหาคำตอบในบทความนี้
บัญชีเงินฝากที่เราเปิดกับทางธนาคาร มีการระบุชื่อเจ้าของบัญชีอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องการส่งต่อ การจัดการก็เป็นไปตามกฎหมายของไทย ดังนั้นกรณีเจ้าของบัญชีเงินฝากเสียชีวิต เงินในบัญชีถือเป็นทรัพย์มรดกที่ส่งต่อให้กับทายาท ดังนั้นฝั่งทายาทหรือผู้มีสิทธิ์รับมรดกต้องติดต่อกับธนาคารเพื่อจัดการเงินก้อนนี้
แต่คำว่า “ทายาท” ไม่ได้มีแบบเดียว เบื้องต้นอาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ
1. ทายาทโดยธรรม (กรณีไม่มีพินัยกรรมระบุไว้) หมายถึงญาติร่วมสายเลือดเดียวกันซึ่งจะเรียงลำดับดังนี้
1) คู่สมรส และผู้สืบสันดาน เช่น ลูก, หลาน, เหลน ของผู้เสียชีวิต เป็นต้น
2) บิดา มารดา ของผู้เสียชีวิต
3) พี่น้อง ร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้เสียชีวิต
4) พี่น้อง ร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกันกับผู้เสียชีวิต
5) ปู่ ย่า ตา ยาย ของผู้เสียชีวิต
6) ลุง ป้า น้า อา ของผู้เสียชีวิต
ตามกฎหมายแล้ว การมีลำดับของทายาทคือการระบุว่า ใครจะได้รับบ้าง ไม่ใช่ว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว จะต้องแบ่งมรดกให้ทายาททั้ง 6 ลำดับเท่าๆ กัน
ยกตัวอย่างเช่น กรณีครอบครัวสามีภรรยา มีลูก 1 คน และพ่อแม่สามียังมีชีวิตอยู่ เมื่อตัวสามีจากโลกนี้ไป อย่างแรก มรดกจะแบ่งส่วนที่เป็นสินสมรสครึ่งหนึ่งไปที่คู่สมรสหรือภรรยาก่อน แล้วค่อยมานับรวมว่ามรดกรวมเหลือเท่าไร จากนั้นจะแบ่งให้กับทายาทชั้นสืบสันดาน ตัวอย่างนี้ ทั้ง ภรรยา, ลูก, พ่อแม่ของตัวสามี ก็ได้รับคนละ 25% เท่าๆ กัน จะเห็นว่า ทายาทตั้งแต่ลำดับ 3 ลงมา จะไม่ได้รับมรดกไปด้วย
2. ทายาทโดยพินัยกรรม ถ้าผู้เสียชีวิตได้ระบุชื่อว่ายกมรดกให้ใคร คนนั้นก็มีสิทธิ์ในการรับมรดกเช่นกัน แต่ด้วยระบบตรวจสอบความถูกต้องของธนาคาร ตัวพินัยกรรมที่จะใช้อ้างสิทธิ์เพื่อรับมรดก ต้องมีผลถูกต้องสมบูรณ์ทางกฎหมายเท่านั้น เบื้องต้นมี 5 รูปแบบได้แก่
1) พินัยกรรมแบบธรรมดา
2) พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ
3) พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
4) พินัยกรรมแบบเอกสารลับ
5) พินัยกรรมแบบทำด้วยวาจา
พินัยกรรมแต่ละแบบมีจุดสำคัญที่แตกต่างกัน เช่น ต้องระบุวันที่ให้ชัดเจน, ระบุจำนวนพยานที่ต้องเซ็นชื่อรับรองไว้, มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง เป็นต้น ดังนั้นการทำพินัยกรรมควรตรวจสอบฉบับจริงไว้ก่อน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมาเมื่อต้องใช้จริง
นอกจากนี้ หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า ผู้จัดการมรดก ซึ่งเป็นบุคคลที่ศาลแต่งตั้งมาให้ดูแลจัดการมรดก แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวทายาทฯ เองก็ได้ อย่างที่เห็นในละครว่าอาจเป็นทนายก็ได้ หรือทายาทอาจจะเลือกตัวแทนในครอบครัวขึ้นมาก็ได้ ซึ่งหน้าที่ของเขาคือ การจัดการมรดกตามชื่อ ไม่ว่าจะการยื่นคำร้องต่อศาลฯ, จัดการทรัพย์สิน, จัดการหนี้, แบ่งมรดกให้แต่ละคน และเรื่องต่างๆ ไปจนถึงจัดการถอนเงินจากบัญชีธนาคารผู้เสียชีวิตก็ทำได้เช่นกัน
เมื่อเรารู้แล้วว่าใครบ้างที่มีสิทธิเป็นผู้ดูแลเงินในบัญชีของผู้เสียชีวิต มาดูกันว่าเอกสารที่ต้องเตรียมไว้ให้พร้อมก่อนยื่นกับธนาคาร โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1. ทายาทหรือผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล ต้องไปติดต่อกับธนาคารตามสาขาที่ระบุในสมุดบัญชีของผู้เสียชีวิต โดยเตรียมเอกสาร ดังนี้
2. ทายาทโดยพินัยกรรม (เช่น ภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส, อื่นๆ) ต้องเตรียมเอกสารไปติดต่อกับธนาคารตามสาขาบนสมุดคู่ฝากของผู้เสียชีวิต ดังนี้
ถ้าอ่านตามหน้าข่าว ยังมีหลายคนที่เลือกจะทิ้งเงินของผู้ที่เสียชีวิตไว้ในบัญชีธนาคารเดิม เพราะขั้นตอน และการเตรียมเอกสารดูยุ่งยาก แต่เพื่อการจัดการทรัพย์สินเราควรวางแผนไว้ก่อนเพื่อใช้ประโยชน์จากแต่ละเรื่องอย่างสูงสุด
กลับมาที่กรณีศึกษาจากหนัง ลักกันวันตาย ถ้าพนักงานธนาคารยักยอกหรือขโมยเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าไม่ว่าจะมีหรือไม่มีชีวิตอยู่ ก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money
เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney