
Money Freedom Forum 2025 มหกรรมความรู้ สู่อิสรภาพทางการเงิน จัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ (The Money Coach) ขึ้นมาเป็นผู้บรรยายคนแรกของงาน ภายใต้หัวข้อ Unlock Your Financial Destiny: From Survival to Prosperity
โค้ชหนุ่มสะท้อนประสบการณ์ส่วนตัว ทั้งในฐานะหนุ่ม จักรพงษ์ และโค้ชหนุ่ม The Money Coach โดยเขากล่าวว่า สิ่งที่เขาเชื่อมั่นมาโดยตลอดคือ “อิสรภาพทางการเงินเป็นสิทธิ์ของทุกคน” และคำว่า อิสรภาพ นั้นไม่ได้หมายถึง การปราศจากปัญหาการเงินโดยสิ้นเชิง และมนุษย์ในโลกทุนนิยมคงไม่สามารถไปถึงจุดนั้น แต่มันคืออิสระทางความคิดและการใช้ชีวิต โดยที่เรื่องเงินไม่ใช่อุปสรรคใหญ่หรือสร้างผลกระทบเชิงลบ
ต่อมาโค้ชหนุ่มได้พาทุกคนไปสำรวจลำดับขั้นที่นำไปสู่อิสรภาพทางการเงิน โดยแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตามวัฏจักรชีวิตที่ทุกคนต้องพบเจอ
หรือขั้นที่เรียกว่า “กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว” โค้ชหนุ่มได้เล่าว่า นี่คือสเตจที่ตัวเขาเองเคยอยู่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ในช่วงเรียนจบมหาวิทยาลัย และค้นหาแนวทางอาชีพของตนเอง โค้ชหนุ่มสะท้อนว่า สเตจนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และแน่นอนว่าจุดเริ่มต้นมักยากที่สุด นอกจากการดิ้นรนเพื่อหาเงินในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้นคือ การต่อสู้ทางจิตใจของตนเอง
ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปงานเลี้ยงรุ่นยังคงเต็มไปด้วยการอัปเดตชีวิตของแต่ละคน ที่ไม่มีวันที่ทุกคนจะเจริญก้าวหน้าไปพร้อมกัน เหมือนการสอบผ่านเข้ามหาวิทยาลัย
จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องบริหารจิตใจของตนเอง หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “หยุดดราม่า” การวนเวียนคิดแต่ว่า ทำไมปัญหาถึงรุมเร้าที่เรา, ทำไมเพื่อนเงินเดือนเยอะกว่า, ทำไมมีเงินเก็บแค่นี้ คำถามเหล่านี้ไม่ได้ช่วยสร้างแรงผลักดัน แต่กลับทำให้เราจมอยู่กับอดีตจนไม่มีวันได้ก้าวไปไหน
เมื่อชีวิตต้องเผชิญกับปัญหาการเงิน โค้ชหนุ่มได้ให้แนวคิดว่า หนึ่งปัญหาที่พบเจอ คือหนึ่งบทเรียนทางการเงินที่จะได้รับ และเราจะเริ่มสั่งสมการเรียนรู้ทางการเงิน เปรียบเสมือประตูแต่ละบานที่ค่อย ๆ เปิดขึ้นและเชื่อมต่อเข้าหากัน
นอกจากเรื่องแนวคิดแล้ว โค้ชหนุ่มได้ให้แนวทางการบริหารเงินในสเตจนี้ไว้ว่า เมื่อมีรายได้เข้ามา สิ่งที่มักจะตามมาคือ หนี้ ซึ่งแท้จริงแล้วการมีหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักพลาดตกลงในบ่อหนี้สะสม คือ การไม่รู้จักบริหารจัดการหนี้ โดยโค้ชหนุ่มได้แนะแนวทางการแก้หนี้ ดังนี้
ประเมินยอดหนี้กับรายได้ว่าติดลบหรือไม่
ลดรายจ่าย
เจรจากับสถาบันการเงิน
ปรับโครงสร้างหนี้
วางแผนการเงิน
เมื่อเราสามารถบริหารจัดการหนี้ได้ ไม่ได้แปลว่า ภาระหนี้จะหายไป แต่สิ่งสำคัญที่เราทำคือ การปรับสภาพคล่องให้การเงินไม่ติดลบ และสามารถก้าวขึ้นสู่สเตจต่อไปได้
เมื่อก้าวข้ามสเตจต้องรอดมาได้ ในสเตจนี้เปรียบเสมือนการทำกำไรในเกมธุรกิจ
แล้วเมื่อไหร่ที่เราจะรู้ว่า ชีวิตเริ่มตั้งหลักได้แล้ว? โค้ชหนุ่มให้คำแนะนำว่า สุขภาพการเงินที่เริ่มตั้งหลักได้ ควรเป็นดังนี้
เงินผ่อนหนี้ไม่เกิน 50% ของรายได้ต่อเดือน
เงินออมและเงินลงทุนมากกว่า 10% ของรายได้ต่อเดือน
มีเงินเหลือเก็บในแต่ละเดือน ไม่ติดลบ
ความสำคัญของสเตจนี้คือ การบริหารความเสี่ยงเพื่อนำไปสู่ความมั่นคง
แหล่งรายได้คือ สารตั้งต้นของสมการเงิน ไม่ว่าจะในสถานการณ์เศรษฐกิจใด หากขาดซึ่งแหล่งรายได้ ปัญหาการเงินจะถาถมเข้ามาทันที เพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว จึงจำเป็นต้องมีแหล่งรายได้มากกว่าหนึ่งทาง
และให้ความสำคัญกับเงินสำรองฉุกเฉิน โดยโค้ชหนุ่มให้คำแนะนำว่า ปัจจุบันหลายคนยังคงสับสนระหว่างเงินสำรองฉุกเฉิน กับ เงินลงทุน โดยมองว่าเงินที่นำไปลงทุนคือ การลงทุนเพื่อให้เงินเติบโตและไว้ใช้สำรองยามฉุกเฉิน โดยไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงในการลงทุน
แนวคิดสำคัญของสเตจมั่นคงนี้คือ การคำนึงถึงความเสี่ยงอย่างรอบด้าน นอกเหนือจากเงินก้อน ผลิตภัณฑ์อย่างประกันก็เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงลง
อย่างไรก็ตามโค้ชหนุ่มให้มุมมองว่า การเงินและความมั่นคงคือเรื่อง Dynamic ที่เกิดจากตัวเราเอง
บางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องเศรษฐกิจโลก นายจ้าง หรือสถานที่ทำงาน แต่แท้จริงแล้วสารตั้งต้นคือ ตัวเราและพฤติกรรมการใช้เงินของเราเอง ในวันที่เราสร้างความมั่นคงได้แล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวันกลับไปสู่สเตจที่ผ่านมา สิ่งสำคัญคือ การตระหนักรู้เรื่องเงินด้วยตนเอง
สิ่งที่น่าสนใจของสเตจนี้จากการบรรยายของโค้ชหนุ่มคือ การมี Playbook ในเวอร์ชั่นของตนเอง
โค้ชหนุ่มได้ยกตัวอย่าง Playbook ของเขา โดยมีหน้าตาเป็น Flowchart ที่แสดงถึงแหล่งรายได้และการลงทุนต่าง ๆ
เขาได้อธิบายเสริมว่า ในยุคที่อสังหาริมทรัพย์เฟื่องฟู เขาได้มีโอกาสทำงานในฐานะนายหน้าอสังหาฯ และเล็งเห็นโอกาสในตลาดนี้ จึงสร้างรายได้จากการกู้ซื้อบ้านมาปล่อยเช่า และนำเงินไป Reinvest ในธุรกิจ รวมถึงลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ส่งผลให้เขาได้เกิดการบริหารจัดการเงินของตนเองอย่างเป็นระบบ และเห็นภาพชัดเจน
เพราะสิ่งสำคัญของการทะยานสู่อิสรภาพทางการเงิน คือ การบริหารจัดการสินทรัพย์ให้สามารถมีสัดส่วนมากกว่าหนี้เสมอ
นอกจากนี้โค้ชหนุ่มเสริมเพิ่มเติมว่า Passive Income ไม่ได้มีความสำคัญไปกว่า Active Income เนื่องจากประสบการณ์ที่เขาได้รับรายได้ทุกเดือน จากการเป็นเจ้าของอสังหาฯ สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่ความสุขที่สุดในชีวิต
แต่ความสุขกับเกิดจากงานที่เป็น Active Income ที่สร้างคุณค่าและแรงบันดาลใจให้แก่ชีวิต จึงสะท้อนมุมมองให้ผู้ฟังว่า ทุกแหล่งรายได้มีความสำคัญเท่าเทียมกัน
ตั้งแต่เริ่มการบรรยาย โค้ชหนุ่มได้นิยาม อิสรภาพทางการเงิน ว่าไม่ใช่ชีวิตที่อยากซื้ออะไรก็ซื้อ แต่มันคือจุดหนึ่งของชีวิตที่ “ความกังวลเรื่องเงินจะเบาลงอย่างมาก”
โดยสามารถแบ่งลักษณะอิสรภาพทางการเงินเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ ได้แก่
1. Financial Freedom : กระแสเงินสดมากกว่ารายจ่าย
2. Financial Independence, Retire Early (FIRE) : สินทรัพย์สุทธิมากกว่าหรือเท่ากับ 25 เท่าของรายจ่ายทั้งปี
ช่วงท้ายของการบรรยาย โค้ชหนุ่มได้เน้นย้ำว่า การบรรลุเป้าหมายในแต่ละขั้นไม่ได้แปลว่าชีวิตเราได้ผ่านสเตจอันยากลำบากนั้นมาแล้ว เราทุกคนสามารถกลับไปสู่จุดเริ่มต้นได้เสมอ
แต่การตั้งเป้าหมายเพื่อไปถึงอิสรภาพทางการเงิน จะช่วยสร้างเกราะป้องกันทางการเงิน และส่งเสริมอิสระในการใช้ชีวิต แม้ในวันที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เราจะยังสามารถประคับประคองชีวิตและทรัพย์สินได้
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney