รายได้มีผลต่อความรัก คนออกเดทน้อยลง ประหยัดมากขึ้น เปิด 3 วิธีจัดการเงินให้มั่นคงก่อนมีแฟน

เงิน กับ ความรัก นี่คือสองอย่างที่หลายคนฝันอยากมี แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง การรักษาความสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้กลับเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายมาก ซึ่งคนรุ่นใหม่อาจมองว่าความโรแมนติกอย่าง การ ‘กัดก้อนเกลือกิน’ ไปด้วยกันอาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป

ยุคนี้ความมั่นคงทางการเงินไม่ได้เป็นเพียงแค่ฟันเฟืองเล็ก ๆ ในชีวิตคู่ แต่กลับกลายเป็นหัวใจหลักในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ เพราะแค่รักอาจไม่พอ ต้องมีเงินด้วย!

เงิน = ผู้กุมชะตาความรัก

‘เงิน’ เป็นทั้งส่วนสำคัญและเป็นอุปสรรคในการสานสัมพันธ์ของผู้คน สะท้อนจากรายงานของ Intuit ที่ทำผลสำรวจ Gen Z, Millennials และ Gen X ในสหรัฐอเมริกา ว่าพวกเขาหาทางจัดการระหว่างความสัมพันธ์และการเงินอย่างไร จนมีข้อสรุปที่น่าสนใจ ดังนี้

• 51% ของชาวอเมริกันออกเดทน้อยลงเพราะภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มที่เห็นผลกระทบอย่างมากคือ Gen Z (กว่า 58%)
• 54% ผู้คนเปลี่ยนพฤติกรรมและอาจประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดทมากขึ้น โดยเฉพาะ ผู้ชาย (60%) และ Gen Z (56%)
• 47% ของชาวอเมริกันมองว่างบเดทแรกที่พอดีควรอยู่ราว 50 - 100 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,636 - 3,273 บาท)
• 44% ของ Gen Z แชร์ประสบการณ์ว่าจะเดทกับคนที่มีรายได้สูงกว่าตัวเองเท่านั้น ซึ่งนับว่าสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของผู้ใหญ่โดยรวมที่มีเพียง 29%
• 33% ของชาวอเมริกันเคยต้องจบความสัมพันธ์เพราะเรื่องเงิน โดย 38% ของ Millennials คือกลุ่มที่มีโอกาสจะบอกเลิกกับแฟนเพราะเรื่องเงินมากที่สุด

และที่น่าสนใจคือ 26% ยอมรับว่าพวกเขาเคยไปเดทเพราะจะได้กินของฟรี จากผลสำรวจพบว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen Z (ราว 31%)

แม้ว่านี่ดูเหมือนเป็นเรื่องขำ ๆ แต่ในขณะเดียวกันผลสำรวจนี้ก็ชี้ให้เห็นว่าเหล่าวัยรุ่นกำลังเผชิญกับความกดดันทางการเงินทำให้พวกเขาเดทน้อยลงและประหยัดมากขึ้น ถ้าสถานะทางการเงินยังไม่เข้าที่ ความสัมพันธ์ก็อาจไม่มั่นคงไปด้วย

Gen Z อยากมีเงิน ทำยังไงได้บ้าง?

จริงอยู่ที่โลกนี้มีนิยามที่ว่า “ความรักทำให้คนตาบอด” แต่หากพูดเรื่องการเงินแล้วล่ะก็ แทบจะไม่มีใครมองมันข้ามไปได้เลย เพราะเงินกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ของสองคนได้ ดังนั้น จะดีกว่าไหมถ้าเรามีเงินมากพอที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางความรักด้วยตัวเอง?

ดังนั้น Gen Z อาจต้องเริ่มวางแผนการเงิน ให้การเงินดี ความรักดี และชีวิตดี ผ่าน 4 เคล็ดลับที่เริ่มต้นได้ทันที คือ

1. การออม

หลายคนอาจเริ่มออมที่ราว 10% ของรายได้ เพื่อที่จะต่อยอดไปทำเรื่องที่ต้องการ แต่ถ้าเราที่มีภาระค่าใช้จ่ายสูงอาจแบ่งออมเท่าที่ไหว ถึงน้อยแต่ได้เริ่มเราก็จะมีกำลังใจไปต่อ ซึ่งอย่างแรกควรเก็บเงินสำรองฉุกเฉินราว 4-6 เดือนของค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน เพื่อรับมือเรื่องไม่คาดคิด

2. ใช้เงินให้เป็น

เราควรแยกให้ออกว่าอะไร "จำเป็น" อะไรแค่ "อยากมี" โดยเลือกที่พอดีกับตัวเราและต้องจ่ายไหว! ไม่ว่าจะของใช้ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการจะซื้อของชิ้นใหญ่อย่างรถยนต์, บ้าน ยิ่งต้องคิดให้หนักก่อนขอสินเชื่อเพราะเราต้องวางแผนจ่ายตั้งแต่ 5 ถึง 30 ปี ถ้าคิดไว้แต่จ่ายไม่ไหว อาจต้องเสียทั้งบ้าน และจ่ายดอกเบี้ยทิ้งไปเปล่า ๆ

3. สร้างรายได้ใหม่ ๆ

บางครั้งการลดรายจ่าย อาจเพิ่มเงินเก็บได้บ้าง แต่อยากมีเงินมากขึ้นก็ต้อง หาทางเพิ่มรายได้ให้ตัวเองด้วย เช่น อาจเริ่มจากพัฒนาทักษะต่าง ๆ ในสายอาชีพของเราจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มค่าตัวให้สูงขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างรายได้จากหลายทาง เพราะการมีแหล่งรายได้หลายแห่งย่อมดีกว่าการพึ่งพารายได้จากทางเดียวเสมอ

4. ลงทุนก่อน โอกาสมากกว่า

หากเป็น First Jobber เพิ่งเริ่มทำงาน การลงทุนกับตัวเองอาจเพิ่มโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น แต่ถ้าเราแบ่งเงินไปลงทุนตั้งแต่อายุน้อย ๆ ก็จะทำให้เม็ดเงินนั้นมีเวลาไปสร้างผลตอบแทนทบต้นได้ หรือถ้ารับความเสี่ยงสูงได้ จะเทรด (ซื้อขาย) เพื่อเก็งกำไรก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง เทคนิคนี้ปรับใช้ได้กับหลายอย่างไม่ว่าจะหุ้น คริปโทเคอร์เรนซี หรือบางคนอาจเทรดที่ดิน อสังหาฯ ก็มี แต่ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องจะสูง และต้องมีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่เลือก

สุดท้ายอาจไม่มีใครบอกได้ว่า ความรักกับการเงินเป็นเรื่องเดียวกัน แต่หลายเรื่องต้องใช้เงิน การวางแผนไว้ก่อนก็อาจทำให้เราใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการได้ง่ายขึ้น

หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ 32.74 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : Intuit, Wise, SET Investnow

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney