เงินเดือน 15,000 ก็สร้างล้านแรกได้! ถ้า “มีวินัย-บริหารเงินเป็น” 8 วิธีปั้นเงินสู่ความมั่งคั่ง

“มนุษย์เงินเดือนรวยยาก”

หลาย ๆ คนคงเคยเห็น เคยได้ยินประโยคเหล่านี้ผ่านหู หรือเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าการเป็นพนักงานกินเงินเดือนอย่างเดียว อาจไม่ได้แตะเงินล้านหรือไม่มีทางรวยได้เลย

แม้การปั้นเงินหลักหมื่นให้กลายเป็นหลักล้านจะฟังดูเป็นไปได้ยาก แต่ไม่ได้หมายความว่าเราทำไม่ได้จริง

รวยยาก ≠ รวยไม่ได้

ประเด็นเรื่องมนุษย์เงินเดือนกับความรวย เป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง เช่นมีกระทู้พันทิปที่ถามว่า “มนุษย์เงินเดือนมีสิทธิ์รวยมั้ย?” หรือการถกเถียงในเพจ Facebook ต่างๆ รวมถึงการตั้งคำถามว่า เงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาทจะพอใช้ไหม ท่ามกลางรายจ่ายที่พุ่งขึ้นและรายได้ไม่เติบโต

ล่าสุด “ดิว-วีรวัฒน์ วลัยเสถียร” นักธุรกิจและนักลงทุน ออกมาเล่าถึงคนรู้จักที่เป็นพนักงานเงินเดือน 50,000 บาท แต่พยายามแบ่งกินแบ่งใช้จนมีเงินเก็บราว 2 ล้านบาทในตอนที่อายุ 30 ปี ซึ่งโพสต์ของเขากลายเป็นที่ถกเถียงว่า ถึงมีรายได้เท่าไร ถ้าไม่ออมก็ไม่มีเก็บ ซึ่งเงินเดือน 15,000 บาท หรือ 50,000 บาท เราก็มีเงินล้านได้ ถ้าเริ่มออม วางแผนและทำอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น Thairath Money ลองยกตัวอย่างมาให้ดูว่า ถ้าอยากมีเงิน 1 ล้านบาท ต้องออมเดือนละเท่าไร และใช้เวลานานแค่ไหน ได้แก่

• เงินเดือน 15,000 บาท ถ้าเก็บเงินเดือนละ 1,500 บาท (10% ของรายได้)

ทางเลือก 1: ถ้านำเงินนี้ไปลงทุนที่หาผลตอบแทนได้ 5% ต่อปี จะใช้เวลา 27 ปี

ทางเลือก 2: ถ้าออมในเงินฝากอัตราดอกเบี้ย 1% จะใช้เวลา 45 ปี

• เงินเดือน 50,000 บาท ถ้าเก็บเงินเดือนละ 5,000 บาท (10% ของรายได้)

ทางเลือก 1: ถ้าเรานำเงินนี้ไปลงทุนที่หาผลตอบแทนได้ 5% ต่อปี จะใช้เวลา 12 ปี

ทางเลือก 2: ถ้าออมในเงินฝากอัตราดอกเบี้ย 1% จะใช้เวลา 16 ปี

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า บางทีการจะปลุกปั้นให้ตัวเองรวยหรือมีเงินเก็บเยอะ ๆ นั้น อาจไม่ใช่แค่การมีฐานเงินเดือนสูงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องมาพร้อมกับวินัยและแผนการเงินที่ดีด้วยเช่นกัน

เปิดสูตร (ไม่) ลับ วางแผนการเงินที่มนุษย์เงินเดือนก็รวยได้

อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายคนคงเห็นแล้วว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าเรามีฐานเงินเดือนเท่าไหร่ แต่ขึ้นอยู่กับเรามีวินัยมากแค่ไหนต่างหาก วันนี้ Thairath Money จะพาผู้อ่านไปรู้จัก 8 แผนการเงินปูทางให้มนุษย์เงินเดือนวางแผนสู่การมีเงินล้าน ได้แก่

1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน

การกำหนดเป้าหมายจะช่วยให้เราเห็นภาพว่าอยากเก็บเงินเท่าไร (อาจมีหลายเป้าหมายก็ได้) จะได้วางแผนต่อว่าจะจัดสรรเงินยังไง เพื่อไปถึงเส้นชัยนั้น

2. อยากเก็บเงินมากขึ้นต้องใช้ 2 วิธีนี้

เมื่อมีเป้าหมายชัดเจนว่าอยากเก็บเงินเท่าไร อาจเริ่มวางแผนออมจากเรื่องใกล้ตัวที่สุด คือ

1) ลดรายจ่าย เมื่อรายได้ยังไม่เพิ่ม เราก็ต้องเลือกว่าจะใช้เงินส่วนไหนให้น้อยลงเพื่อมาออมมากขึ้น เช่น อาจซื้อเฉพาะของจำเป็น

และ 2) เพิ่มรายได้ อาจเลือกอาชีพเสริมจากสิ่งที่เราถนัด เพื่อพัฒนาทักษะและเสริมเงินเข้ากระเป๋า

3. จดรายรับ-รายจ่าย จัดสรรเงินทุกบาท

เพื่อให้รู้ชัดเจนว่า แต่ละเดือนเงินของเราหายไปกับอะไรบ้าง จะได้ควบคุมการใช้จ่ายของตัวเองได้ และควรนับรวมรายได้จากทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน, โบนัส, หรือรายได้เสริม เพื่อนำมาจัดสรรเงินทุกบาทให้ดีก่อนใช้

4. เร่งเครื่องเงินเก็บด้วยการลงทุน

ถ้าเราออมในบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงอาจได้ราว 1-1.8% ต่อปี แต่นั่นจะสู้เงินเฟ้อได้แค่ไหน ดังนั้น อาจต้องเริ่มวางแผนการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนให้มากขึ้น แต่ต้องไม่ลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ควรต้องรู้จักตัวเองก่อนเริ่มลงทุนเสมอ

5. รับมือความเสี่ยงด้านสุขภาพด้วยประกัน

วางแผนซื้อประกันสุขภาพและประกันชีวิตที่เหมาะสมกับเงินในกระเป๋า เพื่อป้องกันไม่ให้เงินเก็บทั้งชีวิตต้องหมดไปกับค่ารักษาพยาบาลหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

6. ลงทุนกับตัวเอง เพิ่มทักษะและประสบการณ์

มาเริ่มลงทุนในความรู้และทักษะตัวเองก่อน เพราะนี่จะเป็นการสร้างโอกาสทางอาชีพให้เงินเดือนสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่าการมีรายได้เพิ่มด้วย ขณะเดียวกันอาจนำความชอบส่วนตัวที่เรามีอยู่แล้วให้กลายเป็นรายได้เสริมอีกช่องทางหนึ่ง เช่น คนชอบเที่ยว อาจรับจ้างทำแผนเที่ยวให้คนอื่นก็ได้

7. วางแผนภาษีไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

รายได้ทุกบาทถ้าถึงเกณฑ์เราก็ต้องจ่ายภาษี ถ้าไม่จ่ายตรงเวลาก็อาจโดนตรวจสอบย้อนหลังได้ ดังนั้น เมื่อคำนวณรายได้ว่าถึงเกณฑ์ต้องเสียก็เริ่มวางแผนภาษีไว้ล่วงหน้าจะดีกว่า เช่น เช็กว่าเรามีสิทธิลดหย่อนอะไรบ้าง หรือจะซื้อกองทุน SSF, RMF ไปจนถึงวางแผนการบริจาคก็ยังได้

8. ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย

ทุกวันนี้มีแอปฯ ที่น่าสนใจมากมาย เช่น แอปบันทึกรายรับ-รายจ่าย, วางแผนการลงทุน, หรือคำนวณภาษี เพื่อทำให้การจัดการเงินเป็นระเบียบและเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม เช่น iTAX คำนวณและวางแผนภาษี หรือ Happy Money แอปพลิเคชันจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่ช่วยเรื่องบันทึกรายรับ - รายจ่าย

ทั้ง 8 เคล็ดลับนี้มนุษย์เงินเดือนสามารถหยิบใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน แต่เราอาจต้องปรับให้เข้ากับการใช้ชีวิตของแต่ละคน และควรเริ่มวางแผนในวันที่มีแรง มีกำลัง เพื่อที่วันข้างหน้าเราจะได้วางแผนพักจากงานได้อย่างสบายใจ

ที่มา : Pantip, Viravat Dew, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney