
เคยไหม? ได้รับสายจากมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นตำรวจพร้อมขู่ว่าเรามีส่วนกับเรื่องผิดกฎหมาย หรือซื้อของตามเพจ โอนเงินไปแล้วกลับไม่ได้สินค้าตามที่สั่ง
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นแทบจะพบได้บ่อยในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว สะท้อนจากผลสำรวจล่าสุดพบว่า 73.4% คนไทยเคยถูกมิจฉาชีพหลอกลวง ที่น่าตกใจกว่าคือเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับ Gen Y และ Gen Z มากกว่า Gen อื่นๆ สาเหตุเพราะอะไรกันแน่
Thairath Money รวบรวมข้อมูลจาก “รายงานการศึกษาสถานการณ์การถูกหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์: กรณีศึกษาประชาชนอายุ 15-79 ปีไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ” จากคณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า มีคนตอบแบบสอบถามกว่า 73.4% ว่าพวกเขาเคยถูกมิจฉาชีพหลอกลวงทางออนไลน์-โทรศัพท์
ถ้าหากถามถึงสัดส่วนกลุ่มอายุที่เคยถูกหลอกลวงทางออนไลน์-โทรศัพท์ หลายคนอาจคิดว่าผู้สูงอายุมีความเสี่ยงในการถูกหลอกลวงสูงกว่ากลุ่มอื่น แต่จากผลสำรวจพบว่า
จากผลสำรวจข้างต้นทำให้เกิดเป็นข้อสงสัยว่า ทำไม Gen Y และ Gen Z ที่เข้าถึงเทคโนโลยี และคุ้นเคยกับการใช้สื่อออนไลน์ กลับมีสถิติถูกหลอกมากกว่าช่วงอายุอื่น ? เราจะยกตัวอย่างประเภทการหลอกลวงที่คน 2 กลุ่มนี้เจอมากที่สุด ได้แก่
- หลอกให้ซื้อของ - ให้ประมูลสินค้าที่ราคาถูกปั่นเกินจริง
พบว่า มี Gen Z กว่า 60.1% และ Gen Y กว่า 54.4 % ที่เคยเจอกลลวงแบบนี้ ส่วนหนึ่งอาจเพราะคนกลุ่มนี้ใช้ช่องทางออนไลน์มากกว่า Gen อื่นๆ ก็เป็นได้ ทั้งนี้ จำนวนการถูกหลอกเคสค่อนข้างสูง แต่ในด้านมูลค่าความเสียหายมักจะต่ำกว่า การหลอกลวงรูปแบบอื่นๆ โดยมูลค่าความเสียหายรวมกลุ่มนี้อยู่ที่ 10,450 ล้านบาท เฉลี่ยต่อหัว 710 บาท สูงสุด 20,000 บาท
- หลอกให้ลงทุน/แชร์ลูกโซ่/เล่นพนัน/กู้เงินและหลอกว่าจะให้ผลตอบแทนสูง
พบว่ามี Gen Y ที่ 36.0% และ Gen Z ที่ 35.9% เคยเจอกลโกงนี้ เราอาจเห็นทั้งรูปแบบการหลอกให้เข้าไปลงทุนแล้วจะได้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้นๆ ที่น่าตกใจคือกลลวงนี้มียอดมูลค่าความเสียหายสูงที่สุดรวม 30,020 ล้านบาท เฉลี่ยต่อหัว 9,471 บาท ยอดสูงสุดที่ 1 ล้านบาท
นอกจากนี้ Gen Y และ Gen Z ที่เป็นวัยทำงานยังมีประสบการณ์ถูกหลอกเรื่องงาน และ ถูก Romance Scam (หลอกให้รักเพราะหวังเงิน) มากกว่า Gen อื่นๆ
คนในวัย Gen X และ Baby Boomer อาจมีภาพลักษณ์ว่าไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีเท่ากับคนรุ่นใหม่ แต่มิจฉาชีพก็พยายามเข้าหาไม่แพ้กัน
- ถูกหลอกว่ามีปัญหา-เกี่ยวข้องกับคดีผิดกฎหมาย
โดยกลโกงนี้มิจฉาชีพจะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรมสรรพากร หรือเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐต่าง ๆ เพื่อข่มขู่ให้กลัว จนผู้รับสายอาจยอมโอนเงินไปโดยไม่ทันได้คิด จากผลสำรวจพบว่ามี Baby Boomer เคยถูกหลอกกว่า 74.4% ส่วน Gen X อยู่ที่ 70.9%
ส่วนมูลค่าความเสียหายจากกลโกงนี้อยู่ที่ 4,443 ล้านบาท เฉลี่ยต่อหัว 2,743 บาท สูงสุด 30,000 บาท
- หลอกให้ลงทุน/แชร์ลูกโซ่/เล่นพนัน/กู้เงิน ว่าจะให้ผลตอบแทนสูง
พบว่ามี Gen X ที่ 35.8% และ Baby Boomer ที่ 28.7% เคยเจอกลโกงนี้ สัดส่วนน้อยกว่า Gen Y และ Gen Z เพียงเล็กน้อย
- Romance Scam หลอกให้รักเพราะหวังเงิน
พบว่าสัดส่วนเคยถูกหลอกของ Gen X อยู่ที่ 8.7% และ Baby Boomer อยู่ที่ 6.2% แม้จะมีสัดส่วนน้อยกว่า Gen Y และ Gen Z แต่ก็เป็นภัยที่หลอกเงินของผู้เสียหายในยอดที่สูงมาก โดยมูลค่าความเสียหายรวม 2,323 ล้านบาท เฉลี่ยต่อหัว 3,477 บาท สูงสุด 1.5 แสนบาท
ข้อมูลทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่า Gen ไหนก็เสี่ยงตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในหลากหลายรูปแบบ แต่ถ้าเราเจาะลึกกันว่าพฤติกรรมไหนบ้างที่ทำให้เราเสี่ยงมากขึ้น เราอาจหาทางป้องกันหรือตรวจสอบช่องทางนั้นได้บ่อยขึ้น
ในเรื่องนี้เรามีข้อมูลจาก รศ. ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เล่าในงาน BOT Symposium 2025 | เท่าทันภัยการเงิน โดยสรุปถึงพฤติกรรมที่มิจฉาชีพอาจใช้เป็นช่องทางเข้าถึงผู้เสียหายได้มากขึ้น นั่นคือ
กลุ่มพฤติกรรมเสี่ยงต่อการถูกหลอกลงทุน
กลุ่มพฤติกรรมเสี่ยงต่อการถูกหลอกให้ซื้อของออนไลน์
กลุ่มพฤติกรรมเสี่ยงต่อการถูกหลอกหางาน
พฤติกรรมเล็ก ๆ เหล่านี้ อาจเปิดทางให้มิจฉาชีพเข้าถึงตัวเราได้ ดังนั้น ก่อนจะกดลิงก์แปลกๆ หรือทำธุรกรรมผ่านช่องทางไหน ควรตรวจสอบอีกขั้นเสมอ เช่น ถ้าเราผูกบัตรเดบิต/เครดิตกับ แอปฯ ไหนไว้ก็ควรตรวจสอบบิลหรือธุรกรรมที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เมื่อเจอยอดจ่ายเงินที่ผิดปกติจะป้องกันได้ทันเวลา เป็นต้น
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney