
ใครจะเชื่อว่า หนี้เพียง 18 บาท จะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ในชีวิตได้จริง ๆ แม้แต่กับศิลปินชื่อดังอย่าง โอ๊ต ปราโมทย์ ก็ยังหนีไม่พ้น เมื่อเจ้าตัวเล่าในรายการสด หมีLIVEปะ? | EP.231 การเงินมีปัญหา หยิบสมุดกับปากกามานั่งเรียนกับพี่ ว่าช่วงปีที่ผ่านมา ตนเอง ต้องการกู้เงินเพื่อซื้อออฟฟิศใหม่ แต่กลับถูกธนาคารปฏิเสธ เพราะข้อมูลเครดิตบูโรปรากฏยอดค้างชำระเพียงหลักสิบบาท เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ในโลกการเงิน “หนี้ไม่มีคำว่าเล็ก”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนอาจยังเข้าใจคลาดเคลื่อน คือ เครดิตบูโร ไม่ได้เป็นคนปล่อยกู้หรือมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าใครจะได้สินเชื่อหรือไม่ แต่ทำหน้าที่เป็นเพียง “ถังข้อมูล” ที่เก็บบันทึกประวัติการชำระหนี้จากสถาบันการเงินต่าง ๆ แล้วส่งต่อให้ธนาคารใช้ประกอบการพิจารณาเท่านั้น ส่วนผลลัพธ์สุดท้ายว่าจะอนุมัติหรือปฏิเสธ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคารเอง
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากมีหนี้เพียงเล็กน้อยอย่างหลักสิบบาท ถูกค้างชำระอยู่จริง ข้อมูลนั้นก็จะถูกส่งเข้ามาบันทึกไว้ในเครดิตบูโร และกลายเป็น “รอยด่าง” ที่อาจส่งผลต่อการกู้ยืมในอนาคตได้เหมือนกัน
Thairath Money ได้รับคำตอบ ยืนยันในประเด็นร้อนดังกล่าว ผ่านการสัมภาษณ์ "แหล่งข่าว" บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ว่าที่ผ่านมา คนไทยจำนวนไม่น้อยยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “เครดิตบูโร”
หลายคนคิดว่า ถ้ากู้ไม่ผ่านคือ “เครดิตบูโรไม่ปล่อยกู้” ทั้งที่ความจริงแล้ว เครดิตบูโร ไม่มีหน้าที่ปล่อยกู้ และไม่ตัดสินใจอนุมัติหรือปฏิเสธสินเชื่อ แต่เป็นเพียงหน่วยงานกลางที่เก็บรวบรวม “ข้อมูลการชำระหนี้” ของเรา จากธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ เท่านั้น ข้อมูลที่เครดิตบูโรเก็บจะถูกส่งให้สถาบันการเงินใช้เป็น “หนึ่งในปัจจัยประกอบการพิจารณา” ซึ่งจริง ๆ แล้วยังมีอีกหลายเงื่อนไข เช่น
พูดง่าย ๆ คือ เวลาคุณไปกู้เงิน ธนาคารจะดูทั้ง “ข้อมูลในบ้านตัวเอง” (เช่น ลูกค้าเคยเป็นหนี้ที่นี่ไหม จ่ายดีหรือเปล่า) และ “ข้อมูลกลาง” จากเครดิตบูโร เพื่อประกอบการตัดสินใจ
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ
อีกเรื่องที่มักถูกเข้าใจผิดคือ เครดิตบูโรไม่มี Blacklist แต่จะแสดงเพียง “รายงานข้อเท็จจริง” ว่าบัญชีของเราชำระปกติหรือผิดนัดเท่านั้น หากจ่ายตรงเวลา รายงานก็จะเป็นปกติ แต่ถ้ามีค้างก็จะแสดงว่าผิดนัด ไม่ว่าจะยอดเล็กหรือใหญ่ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจว่า “เครดิตบูโรคือถังข้อมูล ไม่ใช่ผู้พิพากษา” แต่ข้อมูลเล็ก ๆ ที่เราละเลยไป ก็อาจสร้างผลกระทบใหญ่ได้ในอนาคต
“หลักในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ แต่ละสถาบันการเงินจะมีความเข้มงวดแตกต่างกัน เครดิตบูโร เราเป็นเพียงถังข้อมูล หรือ สมุดพกบันทึกข้อมูลหนี้ ที่ได้รับมาจากการรายงานของสถาบันการเงินต่างๆ ในระยะเวลาแค่ 3 ปี เท่านั้น”
ลึกลงไป ในแต่ละเดือน สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกมีหน้าที่รายงานและส่งข้อมูลให้เครดิตบูโร ก่อนเครดิตบูโร จะอัปเดตข้อมูลรายเดือนนั้นๆ รวม 36 เดือน 36 บรรทัด เรียงกันเหมือน “ขนมชั้น” เมื่อมีข้อมูลใหม่เข้ามา ข้อมูลบรรทัดเก่าของ 36 เดือนที่แล้ว ก็จะหายไป
เมื่อข้อมูลเครดิตเปรียบเสมือนเป็น “ถังข้อมูลที่บ่งบอกพฤติกรรมทางการเงิน” ของประชาชนไทย ข้อมูลนี้จึงถือเป็นฐานข้อมูลกลางที่ใหญ่ที่สุดในระบบการเงินไทย และถือเป็น “โครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน” ที่สำคัญซึ่งส่งผลดีใน 3 ระดับ
โดยเราสามารถขอรายงานเครดิตบูโรได้จากหลายช่องทาง เช่น
สรุปแล้ว จากกรณีของ โอ๊ต ปราโมทย์ ที่เป็นข่าวโด่งดัง สิ่งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องราวไกลตัว แต่เป็นอุทาหรณ์ทางการเงินที่สำคัญสำหรับทุกคนในยุคนี้ ขณะที่การตรวจสอบสุขภาพเครดิตของตัวเองเป็นประจำก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย และหากเราเข้าใจการทำงานของ เครดิตบูโร อย่างถ่องแท้ จะช่วยให้เราวางแผนการเงินได้อย่างรอบคอบและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ในอนาคตนั่นเอง
ที่มา : ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney