ทองคำราคาพุ่งขึ้น 7 วันต่อเนื่อง แค่ปีนี้บวกเกิน 11,000 บาทแล้ว ต้อง "รอ" ลงหรือเริ่มซื้อเก็บดี?

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทองคำราคาพุ่งขึ้น 7 วันต่อเนื่อง แค่ปีนี้บวกเกิน 11,000 บาทแล้ว ต้อง "รอ" ลงหรือเริ่มซื้อเก็บดี?

Date Time: 4 ก.ย. 2568 17:12 น.

Video

อธิบายทีเดียวว่า ทำไมฟองสบู่ AI จะไม่แตกซ้ำรอยดอทคอม? | Digital Frontiers EP.51

Summary

ช่วงนี้ราคาทองคำบวกต่อเนื่องมา 7 วัน แถมมีช่วงที่ทำ All-time High หรือราคาพุ่งสูงจนทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 3,578 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนทองไทยก็ไปถึง 55,000 บาท แล้วเรายังควรลงทุนตอนนี้ไหม

ช่วงที่โลกมีแต่เรื่องไม่แน่นอน ทองคำก็ดูน่าสนใจเสมอ ยิ่งช่วงนี้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมา 7 วัน และมีช่วงที่ทำ All-time High หรือราคาพุ่งสูงจนทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 3,578 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในส่วนราคาทองคำไทยบางช่วงก็ไปถึง 55,000 บาทต่อบาททองคำ (ทองคำรูปพรรณ)

สาเหตุหลักที่ราคาทองคำโลกยังเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เพราะข่าวนโยบายภาษีทรัมป์ยังไม่แน่นอนทำให้เศรษฐกิจโลกและสหรัฐก็ดูจะไม่ราบรื่นนัก ยิ่งเห็นตัวเลขจากทางสหรัฐฯ อย่างภาคการผลิต และตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครไม่ดีอย่างที่ตลาดคิด ก็ทำให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed มีโอกาสที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่ราคาทองยังเพิ่มขึ้นก็เพราะธนาคารกลางต่างๆ ยังคงสำรองทองคำมากขึ้นด้วย

จากราคาทองคำระดับโลกที่ปั่นป่วน ราคาทองไทยก็เปลี่ยนแปลงมากเช่นกัน ข้อมูลจากสมาคมค้าทองคำวันที่ 4 กันยายน 2568 ราคาทองคำเปลี่ยนแปลง 16 ครั้ง! มีทั้งการปรับขึ้นและลง พอจบวันราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ 54,150 บาทต่อบาททองคำ และทองรูปพรรณอยู่ที่ 54,950 บาทต่อบาททองคำ

ส่วนถ้าเราดูภาพใหญ่นับจากต้นปี 2568 ถึงตอนนี้ราคาทองคำไทยเพิ่มขึ้นทะลุ 11,200 บาทไปแล้ว เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2567 ที่อยู่ราว 42,000 บาท แล้วนี่ยังเป็นจังหวะที่จะเข้าซื้อทองคำเพื่อลงทุนหรือเก็บสะสมได้ไหม

Thairath Money สรุปความเห็นจาก 2 ค่ายผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำมาให้ดังนี้

ฝั่งบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เล่าว่า ทองคำโลกยังอยู่ในระยะขาขึ้น จากข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ตลาดแรงงานและตัวเลขต่างๆ ออกมาไม่ดีนัก ทั้งนี้ ราคาทองไทยจะเป็นขาขึ้นตามทองโลก แต่ด้วยค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าจึงแนะนำว่า (ราคาทองคำแท่ง) 

- เข้าซื้อสะสมแนวรับที่ระดับ 54,100 บาทต่อบาททองคำ และขายทำกำไรหากราคาทดสอบแนวต้านที่ 54,500 บาทต่อบาททองคำ

- แต่หากราคาหลุดแนวรับที่ 53,800 บาท ลงไป แนะนำขายตัดขาดทุน

ขณะที่บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ประเมินว่าในระยะสั้น ราคาทองคำไทยมองว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 52,500 - 54,100 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณจากค่าเงินบาทระดับ 33.24 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่ทองคำโลกจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 3,437 - 3,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และกรอบแนวต้าน 3,508 - 3,540 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

แต่มีกลยุทธ์การลงทุนว่า ถ้าจะเข้าซื้อทอง อาจจะรอเสี่ยงซื้อได้ถ้าราคาไม่หลุดต่ำกว่า 3,508 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรืออาจตัดขาดทุนหากหลุดต่ำกว่า 3,481 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

เรียกว่าถึงราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่หากเรามีเป้าหมายที่จะลงทุนเพื่อทำกำไร ผ่านวิธี “ซื้อถูก-ขายแพง” อาจต้องติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด และมั่นใจว่าเราใจแข็งพอที่จะตัดขาดทุนเมื่อถึงจุดที่ต้อง Cut loss

ส่วนใครที่อยากซื้อทองสะสม อีกหนึ่งวิธีที่นักวิเคราะห์ต่างแนะนำกันคือ การ DCA (Dollar-Cost Averaging) หรือเข้าทยอยซื้อทองคำทุกเดือนในจำนวนเงินที่เท่ากัน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงราคาที่ผันผวนลงได้

ทั้ง 2 วิธีการลงทุนอาจต้องดูเรื่องค่าธรรมเนียมในการเทรด หรือการซื้อ-ขาย รวมถึงถ้าเราซื้อทองคำโลกที่เป็นดอลลาร์สหรัฐ ยังต้องคำนึงถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นด้วย แต่ก่อนจะถามว่าควรซื้อทองคำในช่วงนี้ไหม อาจจะอยู่ที่เรามีเงินเย็นและพร้อมจะรับความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้มากแค่ไหนด้วย



อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี" ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ