"Money Dysmorphia" ภาวะของคนที่เก็บเงินจนเครียด จะใช้จ่ายก็รู้สึกผิด - มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

"Money Dysmorphia" ภาวะของคนที่เก็บเงินจนเครียด จะใช้จ่ายก็รู้สึกผิด - มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ

Date Time: 29 ส.ค. 2568 17:29 น.

Video

SAWAKAMI บลจ.ญี่ปุ่นบุกไทย | BrandStory Exclusive EP.26

Summary

Money Dysmorphia หรือ ภาวะเก็บเงินจนเครียด อาจเกิดจากหลายอย่าง เช่น เศรษฐกิจที่ชะลอการเปรียบเทียบการเงินของตัวเองกับคนอื่น ถ้าไม่รีบแก้อาจทำให้เป้าหมายการเงินที่ตั้งไว้ไกลออกไปอีก

เคยรู้สึกว่าหาเงินมาเท่าไหร่ก็ไม่พอ หรือมีเงินมากมายแต่กลับไม่กล้าซื้อของชิ้นเล็กๆ ที่อยากได้?

นี่อาจเป็นความรู้สึกเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งสะท้อนว่าเราอาจกำลังเผชิญกับ “Money Dysmorphia” อยู่ก็เป็นได้

เก็บเงินจนเครียด มีจริงเหรอ?

Money Dysmorphia หรือ ภาวะเก็บเงินจนเครียด เกิดจากการที่เรารู้สึกว่า การเงินของเรายังไม่มั่นคงมากพอ และมุ่งมั่นที่จะหารายได้เพิ่มเติมเงินเข้ากระเป๋าอย่างเดียว จนลืมเติมความสุขให้กับตัวเอง 

สะท้อนจากผลสำรวจ "Mind Money Connection" ของ Jenius Bank เปิดเผยว่า 41% ของกลุ่ม Millennials มีประสบการณ์ภาวะเครียดจากเรื่องเงิน แม้สถานะปัจจุบันอาจไม่ได้กดดันมากขนาดนั้น หากหมกมุ่นกับเรื่องการเงินมากเกินไป อาจบีบให้เรารู้สึกว่าต้องหาเงินต่อไปเรื่อย ๆ จนยากที่จะมีสุขภาพกาย - ใจดีได้

สาเหตุของภาวะนี้อาจผสมผสานมาจากหลายปัจจัยที่ทำให้รู้สึกถึงความไม่มั่นคงทางการเงิน เช่น  มีรายได้น้อยกว่าที่คาดหวังไว, เรียนจบมาพร้อมหนี้, เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนดังในโซเชียลและกดดันตัวเองว่าต้องสร้างเงินให้ได้มากขึ้นและมากขึ้น ทั้งหมดนี้อาจกลายเป็นความเครียดในที่สุด

ทั้งนี้ ภาวะ Money Dysmorphia ไม่ได้เกิดขึ้นกับกลุ่ม Millennials เท่านั้น แต่ Jenius Bank ยังเน้นย้ำว่าภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้และส่งผลกระทบต่อคนทุกรุ่น  ทุกระดับรายได้ตั้งแต่งบน้อยไปจนถึงมั่งคั่ง

เปิด 6 เช็กลิสต์ เราเข้าข่ายภาวะเก็บเงินจนเครียดแล้วหรือยัง?

และเพื่อป้องกันความเครียดทางการเงินจนกลายเป็น Money Dysmorphia นั้น Thairath Money จะพาผู้อ่านไปเช็กลิสต์ 6 พฤติกรรมที่เข้าข่ายภาวะเก็บเงินจนเครียด ดังนี้

  • รู้สึกว่า “มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ”
  • ถึงใช้เพื่อความสุขของตัวเอง ก็ไม่กล้าใช้จ่าย
  • คิดมาก หรือ รู้สึกผิดเมื่อใช้จ่าย
  • เปรียบเทียบสถานะทางการเงินของตัวเองกับคนอื่น รวมถึง อินฟลูเอนเซอร์ในโลกออนไลน์
  • พูดถึงเรื่องเงินเมื่อไร ก็รู้สึก “เครียด” และ “กังวล”
  • ถึงมีเงินเดือนสูงแต่ก็รู้สึกไม่มั่นคง

วิธีรับมือกับภาวะเก็บเงินจนเครียด

หลังจากที่เช็กลิสต์ครบทั้งหมดแล้ว หากผู้อ่านพบว่าพฤติกรรมเหล่านี้ตรงกับตัวเอง อาจจะต้องเริ่มปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อให้สุขภาพกาย - ใจ - การเงินของเราดำเนินไปอย่างสมดุลและดีในเวลาเดียวกัน ด้วย 4 วิธีนี้

1. อย่าให้โซเชียลกดดันการเงินของเรา

ก่อนอื่นเราต้องเริ่มจากการหยุดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะพื้นฐานการเงินของแต่ละคนต่างกัน แต่เรายังสามารถหาแนวทางการเงินที่ดีด้วยการเรียนรู้จากคนในโซเชียลมาปรับใช้ในชีวิตของตัวเองได้

2. ปรับกรอบการเงินใหม่

เช็กแผนการเงินของตัวเองในตอนนี้ว่า เข้มงวดเกินไปจนอึดอัด หรือหละหลวมเกินไปหรือเปล่า และลองปรับแก้ให้เป็นแผนที่ยืดหยุ่น แต่รอบคอบมากขึ้นเพื่อให้เราสบายใจได้

3. หาความรู้เรื่องการเงินเพิ่ม

การพัฒนาความรู้เรื่องการเงิน เช่น การฟังพอดแคสต์ หรืออ่านหนังสือ จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจและมองเห็นช่องทางในการสร้างโอกาสให้การเงินของเรามากขึ้น

4. หาที่ปรึกษาเพื่อเยียวยาจิตใจ

ภาวะ Money Dysmorphia อาจนำไปสู่ความเครียดในชีวิตของเราได้ ดังนั้นหากรู้สึกกังวลมากเกินไปหรือนอนไม่หลับเพราะคิดแต่เรื่องเงินอาจต้องพูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือนักบำบัดเพื่อให้สภาพจิตใจของเราฟื้นตัวและเอาชนะความเครียดได้

เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเป้าหมายของการมีสุขภาพการเงินที่ดี ไม่ใช่การมีตัวเลขในบัญชีให้สูงที่สุด แต่คือการมี ‘อิสระ’ ที่จะใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล มีความสุข และไม่ย้อนกลับมาทำร้ายสุขภาพกาย - ใจของเราในภายหลัง


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ “การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ