ลืมจ่าย “PayLater” จะเป็นอย่างไร? อาจเจอดอกเบี้ยพุ่ง - ค่าปรับ 15% และเสี่ยงติดหนี้หากใช้เกินตัว

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ลืมจ่าย “PayLater” จะเป็นอย่างไร? อาจเจอดอกเบี้ยพุ่ง - ค่าปรับ 15% และเสี่ยงติดหนี้หากใช้เกินตัว

Date Time: 28 ส.ค. 2568 15:49 น.

Video

เก็บเงินก็ยาก ลงทุนก็เสี่ยง คนไทยรอดจากความจนยาก? กับ ดร.บุรินทร์ อดุลวัฒนะ | Thairath Money Night Stand EP.17

Summary

ทุกวันนี้ ข้าวของราคาหลักร้อยก็ผ่อนได้ ด้วย “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” แต่ความสะดวกอาจมีราคาที่ต้องจ่าย ถ้าเราลืมจ่ายคืนไม่ตรงเวลาอาจต้องเจอทั้งดอกเบี้ยที่สูงลิ่ว และค่าปรับถึง 15%

“ซื้อของ 300 บาท ดอกเบี้ย 0% ถ้าเงินไม่พอจ่ายค่อยผ่อนต่อก็ได้”

นี่อาจเป็นความในใจของสายช้อปที่เลือกใช้ Buy Now Pay Later (BNPL) หรือสินเชื่อ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” ซึ่งถือว่าตอบโจทย์คนยุคนี้มากๆ เพราะสามารถ “ผ่อนจ่าย” บิลหรือสินค้าได้ง่ายๆ แค่กดไม่กี่ครั้งผ่านแอปฯ E-commerce ต่างๆ ก็เปย์ได้หมด

แต่ความสะดวกและง่ายนี้อาจกลายเป็นดาบสองคมว่า เราเผลอกดขอสินเชื่อแบบนี้กับแอปฯ ไหนไปบ้าง และถ้าลืมจ่ายหนี้ นานๆ ไป อาจกลายเป็นหนี้พอกพูนเสี่ยงเกิด “ภาวะหนี้เกินตัว”

“ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” ดาบสองคมที่ต้องคิดก่อนใช้

ทำไม Thairath Money ถึงเปรียบการใช้ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” เป็นดาบสองคม? นั่นเพราะ อยู่ที่เราจะใช้อย่างไรให้เหมาะสม และถ้าใช้แบบไม่คิดก็อาจส่งผลเสียต่อชีวิตในระยะยาวได้ 

ตัวอย่างข้อดีของสินเชื่อ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” เช่น 

  • เข้าถึงง่าย สะดวก เพียงกดสมัครในแอปฯ แนบบัตรประชาชนยื่นเข้าไป ระบบจะอนุมัติวงเงินที่ใช้จ่ายได้ หรือ แสดงโปรแกรมผ่อนให้เลือก ผู้ขอสินเชื่อเลยไม่ต้องรอนานเมื่อเทียบกับสินเชื่ออื่นๆ เช่น บัตรเครดิต ฯลฯ
  • ผ่อนได้ มีดอกเบี้ย 0% ตามระยะเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะซื้อสินค้าชิ้นเล็กหรือใหญ่ ก็สามารถผ่อนได้ ขึ้นอยู่กับวงเงินและโปรโมชันที่เราได้จากแอปฯ นั้นๆ 

ตัวอย่างข้อเสียของสินเชื่อ “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง”เช่น

  • อัตราดอกเบี้ยถือว่าสูงมาก บางแห่งอาจสูงถึง 16 - 25% ต่อปี
  • อาจมีค่าใช้จ่ายแฝงตามมาโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น ค่าธรรมเนียมปลีกย่อย หรือถ้าจ่ายหนี้เกินวันไหนจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ดังนั้นก่อนกดใช้ต้องอ่านรายละเอียดให้ดีก่อน
  • ใช้ง่าย จนอาจใช้เกินตัว และเสี่ยงก่อหนี้ได้ หากขาดวินัยทางการเงิน

ถ้า “ลืมจ่าย - เบี๊ยวหนี้” SPaylater - LazPayLater จะเกิดอะไรขึ้น?

ขอสินเชื่อง่าย จ่ายเปย์คล่องแล้ว แต่อีกขาหนึ่งที่ลืมไม่ได้คือ ยืมมาแล้วจะต้องจ่ายคืนเมื่อไร หรืออัตราดอกเบี้ยที่คิดอยู่เท่าไร ที่สำคัญคือ ถ้าผิดนัดชำระหนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดย Thairath Money ยกมาให้ดู 2 ตัวอย่าง ได้แก่

1. SPaylater ของแพลตฟอร์ม Shopee 

แม้ SPaylater จะกดสมัครใช้ง่าย คล้ายกับการตัดจ่ายเงินในบัญชี แต่นี่คือ สินเชื่อแบบหมุนเวียนที่แอปฯ เปิดให้ผู้ซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มช้อปปี้สามารถเลือกว่าจะ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง หรือ ผ่อนชำระก็ได้ ดังนั้นเมื่อเป็นสินเชื่อจึงต้องจ่ายคืนให้ตรงเวลาไม่งั้นอาจเจอดอกเบี้ยได้!

โดยอัตราดอกเบี้ยของ SPaylater นั้นจะแบ่งเป็น 1) ช้อปก่อน จ่ายทีหลัง ช่วง 1 เดือนแรกจะไม่มีดอกเบี้ย 2) แผนผ่อนชำระ 2, 3, 5 และ 12 นั้น จะมีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ 15% หรือ 25% ต่อปี แบบลดต้นลดดอก (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ SPaylater) 

หมายเหตุ: หากสมัคร SPayLater ก่อนวันที่ 4 สิงหาคม ปี 66 จะใช้สินเชื่อบริษัท ยูนิคอร์น (ประเทศไทย) จำกัด แต่หากสมัครหลังวันที่  4 สิงหาคม ปี 66 จะใช้สินเชื่อของบริษัท โมนี่ (แคปปิตอล) จำกัด ซึ่งทั้งคู่จะมีอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน

จะเห็นได้ว่าเงื่อนไขการใช้ SPayLater มีความซับซ้อนจนเกิดคำถามว่าถ้าเราเบี๊ยวหนี้ หรือไม่ชำระตามกำหนด? ข้อมูลจาก Shopee Help Center ระบุถึงผลที่อาจเกิดขึ้นกับเราเอาไว้ ดังนี้

  • อาจถูกระงับสินเชื่อและบัญชีการใช้งาน
  • มีโอกาสถูกปรับลดวงเงิน
  • หากชำระล่าช้าเกินกว่า 1 วัน และมียอดค้างมากกว่า 1,000 บาท จะมีค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ 50 บาทต่อรอบบิล
  • หากค้างชำระมากกว่าหนึ่งรอบบิลจะมีค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ 100 บาท ดำเนินการตามกฎหมาย
  • อัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระสูงสุดอยู่ที่ 15% หรือ 25% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการสินเชื่อ)

2. LazPayLater ของแพลตฟอร์ม Lazada 

มาต่อกันที่บริการ LazPayLater เคยระบุว่าให้วงเงินสูงสุด 100,000 บาท สามารถผ่อนชำระสินค้าได้ทุกประเภท ทุกราคา ไม่กำหนดราคาขั้นต่ำ ได้แก่ 1) แผนการชำระเงินแบบไม่มีดอกเบี้ย ถ้าจ่ายคืนภายใน 40 วันต่อมา (จำนวนวันสูงสุดที่กำหนดไว้) 2) แผนการผ่อนชำระ 3, 6, 12 เดือนนั้นจะคิดดอกเบี้ยตามแผนที่เราเลือก (ไม่ได้ระบุไว้)

แม้การใช้งานจะดูง่ายสะดวกสบาย ทว่า มีผู้ใช้ส่วนหนึ่งที่แสดงความกังวลในเรื่องการผิดนัดชำระ จนถึงขั้นตั้งกระทู้พันทิปในเรื่องนี้มากมาย 

ล่าสุดพบว่า Lazada Thailand Official ระบุถึงกรณีที่ไม่ได้ชำระเงินยอดที่ค้างกับทาง LazPayLater นั้น ผู้ใช้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมล่าช้า ดอกเบี้ยสูงสุด 15% ต่อปี และ บัญชี PayLater อาจถูกปิดได้หากมียอดค้างชำระอยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อประวัติการชำระเงินของเรา และอาจถึงขั้นถูกฟ้องร้องเนื่องจากมีสินเชื่อที่ค้างชำระ

สุดท้ายนี้ สิ่งที่สำคัญคือวินัยในการจ่ายชำระเงินคืน เพราะถึงแม้บริการเหล่านี้จะมอบความสะดวกสบายและเพิ่มสภาพคล่องในการใช้จ่าย แต่หากขาดวินัย จ่ายคืนไม่ตรงเวลา ความสะดวกสบายนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นกับดักของภาระหนี้สินก้อนใหญ่ที่ทำให้เราลำบากในภายหลังได้


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ “การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ