
"เงินเดือน 200,000 บาท ไม่พอเลี้ยงลูก" ประโยคนี้อาจฟังดูเกินจริงสำหรับใครหลายคน แต่กลับสะท้อนความจริงอันเจ็บปวดที่พ่อแม่ยุคใหม่ต้องเผชิญ โพสต์ของ นายแพทย์ธีรภัทร์ พุ่มพวง (หมออั้น) บัญชี Aun Theeraphat ที่มียอดแชร์กว่า 24,000 ครั้งบน Facebook
จุดประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับความกดดันในการเลี้ยงลูกในยุคปัจจุบัน ที่การแข่งขันและค่านิยมทางสังคมผลักดันให้พ่อแม่ต้องทุ่มเททั้งเงินและเวลาเพื่อ "ซื้ออนาคต" ที่ดีที่สุดให้ลูก จนบางครั้งหลงลืมความสุขในปัจจุบันและเวลาอันมีค่าของครอบครัว
โพสต์ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าพ่อแม่ชนชั้นกลางจำนวนมากกำลังตกอยู่ใน "เมนูบุฟเฟต์แห่งความวิตกกังวล" ที่ต้องจ่ายเงินไปกับกิจกรรมเสริมต่างๆ มากมาย เพราะกลัวลูกจะ "เสียโอกาส" ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ลูกต้องการที่สุด อาจไม่ใช่คลาสที่ 5 หรือคลาสที่ 10 แต่เป็นเพียงเวลาของพ่อแม่ และบรรยากาศในบ้านที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ความจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่านั้นคือเด็กที่ถูกยัดเยียดทุกอย่างจนล้นอาจไม่ได้เก่งกว่าเด็กที่มีความสุขและได้ใช้เวลาตามวัย การศึกษาวิจัยทั่วโลกต่างยืนยันว่าเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายจะเรียนรู้ได้ดีกว่าเด็กที่ถูกกดดัน
Thairath Money จึงได้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อฉายภาพ ค่าใช้จ่ายจริง ที่พ่อแม่ต้องแบกรับตั้งแต่ ตรวจพบว่าตั้งท้อง - คลอด จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ อายุ 20 ปี มาให้พิจารณากัน
โดยข้อมูลเหล่านี้ ไม่ได้เป็นตัวเลขตายตัวทั้งหมด เพียงแต่เป็นค่าเฉลี่ยรวม ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพรวมของภาระทางการเงินได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายที่แท้จริงแล้ว จะขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละครอบครัวที่แตกต่างกันออกไป
ก่อนที่ลูกจะลืมตาดูโลก พ่อแม่ก็มีค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อยที่ต้องเตรียมไว้สำหรับการตั้งครรภ์และคลอดบุตร ตั้งแต่ค่าตรวจครรภ์ ค่าซาวด์อัลตราซาวด์ ค่าคลอด ไปจนถึงค่าห้องพักฟื้น ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมากตามโรงพยาบาลและแพ็กเกจที่เลือก
ต้องยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของการเลี้ยงลูกคือค่าเล่าเรียน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ยิ่งเลือกโรงเรียนที่มีชื่อเสียงหรือโรงเรียนนานาชาติ ค่าใช้จ่ายยิ่งสูงตามไปด้วย
ระดับอนุบาล
ระดับประถมศึกษา
ระดับมัธยมศึกษา
ระดับมหาวิทยาลัย
นอกจากค่าเทอมแล้วยังมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ อีกมากมายที่พ่อแม่ต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นค่าเรียนพิเศษ ค่าคอร์สกิจกรรมเสริมต่างๆ เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เงินไหลออกไปเหมือนน้ำรดทราย รวมถึงค่าใช้จ่ายรายเดือนสำหรับการเลี้ยงดูในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าของใช้ส่วนตัว และค่าประกันสุขภาพ - ทำฟัน
เมื่อนำค่าใช้จ่ายทั้งหมดมารวมกัน ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และแหล่งข้อมูลอื่นๆ ชี้ให้เห็นตัวเลขที่น่าตกใจว่า การเลี้ยงลูก 1 คนจนเติบโตถึงอายุ 20 ปีต้องใช้เงินเฉลี่ยถึง 1.6 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ารายได้ต่อหัวของคนไทยในปี 2565 ถึง 6.3 เท่า และตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวหากลูกเรียนโรงเรียนเอกชน ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่ครอบครัวที่มีรายได้สูงก็ยังรู้สึกว่าเงินเดือนไม่พอเลี้ยงลูก
ปัญหาค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้คนรุ่นใหม่ตัดสินใจ "ไม่มีลูก" หรือ "มีลูกน้อยลง" ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในหลายประเทศทั่วโลก เช่น จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
สถิติจากกระทรวงสาธารณสุขสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงนี้ โดยจำนวนเด็กแรกเกิดในประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่องมาหลายปี และในปี 2567 สถิติเด็กเกิดใหม่ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เหลือเพียง 462,240 คน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยที่บอกว่าสังคมไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตประชากร
นอกจากเรื่องของค่าใช้จ่ายแล้ว โพสต์ของ Aun Theeraphat ยังชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวเชิงโครงสร้างของระบบการศึกษาไทย ซึ่งเป็น "จำเลยสำคัญ" ที่ทำให้พ่อแม่ต้องแบกรับภาระหนักเกินจริง ระบบการศึกษาที่ยังคงผลิตหลักสูตรแบบเดิมๆ ไม่ตอบโจทย์โลกปัจจุบัน โรงเรียนรัฐบาลที่คุณภาพการสอนไม่เพียงพอจนเด็กต้องพึ่งกวดวิชา และผู้มีอำนาจที่มองการศึกษาเป็นธุรกิจมากกว่าการลงทุนเพื่ออนาคตของชาติ ล้วนเป็นปัจจัยที่ซ้ำเติมความกังวลของพ่อแม่ ทำให้การศึกษาไม่ได้เป็นบันไดแห่งโอกาส แต่กลับกลายเป็นกลไกที่เพิ่มความเหลื่อมล้ำทางสังคม
สุดท้ายแล้ว คำถามสำคัญที่บทความนี้ทิ้งท้ายไว้คือ เรากำลังแลกปัจจุบันที่มีค่ากับอนาคตที่ไม่มีใครรับประกันหรือไม่? และเมื่อไหร่ผู้เกี่ยวข้องจะมองเห็นปัญหานี้เสียที !
อย่างไรก็ดี การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงภาพสะท้อนความจริงในสังคมที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน การปฏิรูประบบการศึกษาอย่างจริงจังเพื่อให้การศึกษาเป็นสิทธิพื้นฐานที่เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องแบกรับภาระทางการเงินมหาศาล
คือก้าวแรกที่จะช่วยปลดปล่อยพ่อแม่และครอบครัวชนชั้นกลางจากวงจรการแข่งขันที่ไร้จุดสิ้นสุดนี้ รวมไปถึง การเลี้ยงดูตามฐานะ การให้ความสำคัญกับความสุขและพัฒนาการตามวัยของลูก เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวในแบบที่เหมาะสมกับเราโดยไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น อาจเป็นทางออกที่ช่วยให้พ่อแม่กลับมามีรอยยิ้ม และช่วยให้ลูกๆ ได้เติบโตอย่างมีความสุขในบ้านที่อบอุ่นและไม่เต็มไปด้วยความกดดัน
ที่มา : ธปท, theasianparent ,มูลนิธิเด็กโสสะ ,enfababy
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney