
“1,500 พอทน 4,000 พอเลย”
นี่คือประโยคที่กลายเป็นไวรัล หลังพิชชี เจ้าของช่อง ชะนีพีชชี & สตีเฟ่นโอปป้า ถ่ายทอดประสบการณ์ไม่ดีจากการไปรับประทาน “ไข่เจียวปูเจ๊ไฝ” ร้านดังระดับมิชลินสตาร์ ที่ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากลิ้มลอง
แต่สิ่งที่ถูกวิจารณ์ ไม่ใช่เพียงราคาที่หลายคนมองว่า “สูงเกินคุ้ม” เท่านั้น หากยังลามไปถึง ประเด็นความไม่โปร่งใส เรื่องป้ายราคา จากเมนูที่ระบุ ไข่เจียวปู ราคา 1,500 บาท แต่เมื่อเช็กบิลกลับกลายเป็น 4,000 บาท ด้วยเหตุผลว่าเป็น “ไซส์พิเศษ” ที่เน้นวัตถุดิบดีกว่า ปริมาณมากกว่า ทั้งที่ลูกค้าไม่ได้รับรู้ล่วงหน้า และไม่มีโอกาสเลือกด้วยตัวเอง
สิ่งนี้ทำให้ดราม่าไม่หยุดอยู่แค่ “อาหารแพง” แต่กลายเป็นคำถามใหญ่ในสังคมว่า “เราควรจ่ายเพราะคุ้มค่า หรือจ่ายเพราะถูกบังคับให้เลือกโดยไม่รู้ตัว?”
จากประเด็นดังกล่าว ฝั่งหนึ่งออกมาปกป้องร้าน เช่น “เชฟต้น” ที่มองว่า ฝีมือและคุณภาพอาหารของเจ๊ไฝ เป็นที่ยอมรับ ไม่ควรถูกตั้งคำถาม เพราะสิ่งที่ร้านทำ ถือเป็นการเพิ่มมูลค่า และมีคนที่ยอมจ่ายอีกมาก จากการที่เห็นคุณค่าของสิ่งนี้
ขณะที่อีกฝั่งตั้งคำถาม ซึ่งมาจากทั้งมุมมองคนทั่วไปและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เคยมาลิ้มลองเมนูดังกล่าว ว่า “ไข่เจียวที่โด่งดังของเมืองไทย ถ้าพูดตามตรง มันไม่ใช่รสชาติของการรอกินเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง”
แถมบางส่วน ยังมีการเปรียบเปรยติดตลกว่า ไข่เจียวปูราคา 4,000 บาท ถ้าซื้อ 10 จาน = 40,000 บาท เงินก้อนนี้สามารถเอาไปทำ “ประกันชีวิต” หรือ “ลงทุนสร้างผลตอบแทน” ที่มีคุณค่าในระยะยาวแทนได้เลยด้วยซ้ำ
“สิ่งนี้ทำให้เราตั้งคำถามว่า ที่จริงแล้ว คุ้มค่า คือ วัดจากราคาอย่างเดียว หรือจากประสบการณ์และคุณค่าที่เราได้รับ?”
สิ่งที่สะท้อนจากดราม่านี้ แท้จริงแล้ว เรียกว่า หลักการ Value for Money หรือ การรู้จัก “จุดคุ้มค่า” ก่อนควักกระเป๋า ซึ่งในเชิงเศรษฐศาสตร์ มี “กฎผลได้ถดถอย” (Law of Diminishing Returns) อธิบายไว้ว่า
กรณีนี้จึงเป็นตัวอย่างตรง ๆ
จุดนี้แหละ ที่ทำให้เราเห็นภาพชัดว่า "Value for Money" หรือ คุณค่าที่ได้ต่อเงินที่จ่าย มันไม่เหมือนกันสำหรับแต่ละคน
ยกตัวอย่างง่ายๆ กับกรณีอื่นๆ
ไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร แต่คือ “ทุกการจ่ายเงิน”
วิธีใช้หลักการนี้กับการเงินส่วนตัว
ส่วนเราจะสามารถ นำ Value for Money มาใช้กับการเงินส่วนตัวได้อย่างไร ก่อนจะเจอเหตุการณ์แบบ “1,500 พอทน 4,000 พอเลย”ในชีวิตจริง เราอาจต้องมีเกณฑ์เช็กง่ายๆ ก่อนควักเงิน ด้วย 3 ข้อคำถาม ดังนี้
ดราม่า “ไข่เจียวปูเจ๊ไฝ” ยังทำให้เห็นว่าการใช้เงินไม่ใช่แค่เรื่องราคาแพงหรือถูก แต่คือเรื่อง โปร่งใสและสิทธิในการเลือก และในมุมการเงิน สิ่งสำคัญที่สุดคือการถามตัวเองว่า “สิ่งที่กำลังจะจ่าย อยู่นอกหรือในจุดคุ้มค่าของเรา?” เพราะถ้าเกินไป มันคือ จ่ายเพื่อความอยากไม่ใช่ “จ่ายเพื่อคุณค่า”และนั่นคือสิ่งที่ทำให้สุขภาพการเงินระยะยาวของแต่ละคนต่างกัน
ท้ายที่สุด เรื่องนี้อาจกลายเป็นเพียง ความพอใจส่วนบุคคล ว่าใครเห็นคุ้มค่าแค่ไหน แต่สำหรับการเงินที่ยั่งยืนจริง ๆ คนที่รู้จักใช้เงินอย่างมีคุณค่า จะสามารถรักษาสมดุลชีวิตและการเงินได้ดีกว่าคนที่ใช้อารมณ์นำเสมอ
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney