“เงิน” ต้นเหตุความเครียดอันดับ 1 ของวัยทำงาน Self-Care ปี 2025 ฉบับคนฉลาด ต้องรักเงินให้เป็น

เคยตรวจเครดิตตัวเองไหม?

มีเงินสำรอง 3-6 เดือนแล้วหรือยัง? 

แล้วตั้งเป้าเกษียณไว้ในใจบ้างหรือยัง ?

นี่น่าจะเป็นเช็กลิสต์เบื้องต้นของ Self-Care ปี 2025 ฉบับคนฉลาด เพราะต่อให้เราดูแลสุขภาพกายและใจดีแค่ไหน แต่ถ้า “เงิน” ยังเป็นเรื่องที่ทำให้เครียดทุกสิ้นเดือน หรือยังเป็นปัญหาที่ทำให้อนาคตไม่มั่นคง เราก็คงดูแลตัวเองได้ไม่เต็มที่

จริงอยู่ “เงิน” อาจไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่ไม่มีใครปฎิเสธได้ว่า “ทุกอย่าง” เริ่มจากเงิน และก็เป็นสิ่งที่อยู่กับเราไปทั้งชีวิต ฉะนั้น หากไม่เริ่มใส่ใจ การเงิน ให้เป็นตั้งแต่วันนี้ ในอนาคตเงินก็อาจจะ “หายไป” หรือกลายเป็นต้นตอของความเครียดได้

เรื่องเงินเรื่องใหญ่ บ่อเกิดของ “ความเครียด”

ข้อมูลที่เราปฎิเสธไม่ได้ คือ เงินกับจิตใจ (Money & Mind) สานสัมพันธ์กันอยู่ตลอดเวลา เมื่อเราเริ่มรับความเสี่ยงของเรื่องราวทางการเงินที่เกิดกับตัวเองไม่ได้ รวมถึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตัวเองได้ ก็จะส่งผลให้เกิดภาวะความวิตกกังวลเรื่องเงิน (Financial Anxiety) หรือเรียกรวมๆ ว่าความเครียดเรื่องเงิน (Financial Stress) ขึ้นมา และนี่เป็นสาเหตุที่คนวัยทำงาน เครียดเป็นอันดับ 1 นั่นเอง 

คุณกำลังเครียดเรื่องเงินเลเวลไหน ?

• Mild Stress : เครียดเล็กน้อย เริ่มมีปัญหาการเงิน เบื่อๆ เซ็งๆ แต่ยังไม่กระทบกับสิ่งที่สำคัญในชีวิต 
• Moderate Stress : เครียดปานปลาง เบิร์นเอาท์(หมดไฟ)รู้สึกไม่ค่อยอยากทำอะไร ขาดแรงจูงใจ 
• High Stress : เครียดสูง  เริ่มกระทบกับชีวิตประจำวัน เครียดจนไปกระทบการเจ็บป่วยร่างกาย  เช่น นอนไม่หลับ คิดหมกมุ่น ปวดหัว ไมเกรน เครียดลงกระเพาะ 
• Severe Stress : เครียดระดับรุนแรง เกิดความผิดปกติทางอารมณ์หรือโรคต่างๆ เช่น อารมณ์แปรปรวน มีความบกพร่องในการใช้ชีวิตประจำวัน อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า หรือ อาการป่วยทางกายและใจที่หนักขึ้น

รักตัวเองฉบับคนฉลาดปี 2025 Health + Wealth + Heart 

สำหรับ วิธี Financial Self-Care หรือ การฉีดวัคซีนป้องกันความเครียดด้านการเงิน อาจเริ่มจาก 3 ข้อหลักๆ 

1. รู้จักเงิน รู้จักเครดิต 

ความรู้เรื่องเงิน คือ เกราะป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ที่เราอาจเริ่มทำความเข้าใจพื้นฐานได้ เช่น 

• เงินลงทุนทำงานอย่างไร
• สินเชื่อทำงานแบบไหน
• เครดิตเรามีสถานะอย่างไร

การอ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ ดูคลิปสั้น ๆ หรือหมั่นเช็กเครดิตตัวเอง เช่น ยอดหนี้ วงเงินที่ใช้ และประวัติการชำระหนี้ ก็จะช่วยให้เรา วางแผนและรับมือกับทุกสถานการณ์ทางการเงินได้ดีขึ้น

2. ออมเพื่อตัวเองก่อน  เพราะอนาคตเริ่มจากวันนี้

ก่อนจะใช้จ่ายเพื่ออย่างอื่น ลองหักเงินออมไว้ให้ตัวเอง จะเพื่อเป้าหมายใหญ่ เช่น ซื้อบ้าน หรือลงทุนระยะยาว หรือเก็บเงินสำรองเผื่อเหตุไม่คาดฝัน อย่างน้อย 3–6 เดือนของค่าใช้จ่าย เงินสำรองนี่แหละ คือกันชนชีวิตที่แท้จริง 

3.ลงทุนเพื่อเกษียณ  เพราะไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่าตัวเราเอง

ข้อนี้ ยิ่งเริ่มต้นเร็ว ยิ่งสบายใจ ช่วงที่เรายังมีรายได้ คือโอกาสดีที่สุดในการเริ่มลงทุน จะลงทุนในกองทุนบริษัท หรือศึกษาลงทุนเองก็ได้ แค่ตั้งเป้าออมไว้สม่ำเสมอ อย่างน้อย 10–15% ของรายได้ ก็ช่วยให้เรามีเงินใช้หลังเกษียณ แบบไม่ต้องกังวล 

รักเงินให้เป็น แล้วเงินจะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต

หลายคนอยากมีเงินเก็บ อยากมั่นคงทางการเงิน แต่กลับไม่เคยใส่ใจ หรือดูแลมันอย่างจริงจัง เงินก็เหมือนความสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่มีแล้วจะอยู่กับเราไปตลอด ถ้าไม่ใส่ใจ ไม่วางแผน ไม่หมั่นดูแล สุดท้าย…ก็อาจหมดไปแบบไม่รู้ตัว 

เงินไม่ใช่เรื่องโชคดี หรือโชคร้าย แต่มันเป็น “ผลลัพธ์” ของความใส่ใจและการจัดการ อยากให้เงินอยู่กับเราไปตลอดชีวิต ต้องเริ่มจากรักและดูแลมันให้เป็น เพราะเงิน จะดูแลเราในวันที่เราไม่มีใคร ถ้าเราเลือกที่จะดูแลมันตั้งแต่วันนี้ ฉะนั้นต้องรักเงินให้เป็น  เพราะไม่มีใครสร้างความมั่นคงให้เราได้นอกจากตัวเราเองนั่นเอง.

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney

ที่มา : Allianz Ayudhya , FWD Thailand