
เศรษฐกิจไทยในตอนนี้เหมือนเรือที่อยู่ท่ามกลางมรสุมจากทั้งพายุนอกประเทศอย่างสงครามการค้า นโยบายภาษีนำเข้า และแรงสั่นสะเทือนในประเทศจากหนี้ครัวเรือนสูง กำลังซื้อที่แผ่วลง และการเมืองที่สั่นคลอน
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด หรือ InnovestX ได้มีการคาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ปี 2568 ว่าอาจยังไม่พ้นช่วงเวลาท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจโลกยังต้องเผชิญแรงกดดันจากภาวะ “Mild Stagflation” หรือเงินเฟ้อสูงที่มาคู่กับการเติบโตที่ชะลอ
อีกทั้งนโยบายภาษีทรัมป์ยังส่งผลให้เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน จนนักลงทุนไทยหลายคนตั้งคำถามว่า “แล้วเราจะลงทุนกับอะไรในยุคที่ความเสี่ยงสูงแบบนี้ล่ะ?”
จากรายงานพบว่าตลาดหุ้นไทยนั้นไม่ได้ย่ำแย่ แต่ก็ไม่ได้เติบโตอย่างดีนัก เพราะแม้สงครามการค้าจะผ่านจุดรุนแรงสุดไปได้ แต่ความผันผวนยังคงอยู่ จากการที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวและความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อเริ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลการลดดอกเบี้ยเป็นไปได้ยาก
สุทธิชัย คุ้มวรชัย Head of Research Department บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด คาดว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3 ปี 2568 นั้นจะ Downside ที่จำกัด แต่ Upside ก็ไม่มากเช่นกัน แม้สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าหลักจะเริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงเป็นความเสี่ยงที่ทำให้เกิดความผันผวนได้ต่อไป จากนโยบายที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
อีกทั้ง เศรษฐกิจไทยยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายในหลายด้าน ได้แก่ ความไม่แน่นอนด้านการค้า การท่องเที่ยวที่ยังชะลอตัว ความเปราะบางของภาคเกษตร การเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอน หนี้ครัวเรือนในระดับสูงและการลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัว
และคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ถูกกดดันจากปัจจัยเหล่านั้นให้เดินหน้าต่อได้แม้จะยังอยู่ในภาวะซบเซา ดังนั้นสุทธิชัยจึงมองว่าการกระจายพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ ยังคงเป็นหัวใจหลักของการลงทุนในยุคที่เศรษฐกิจไม่มีความแน่นอน
จากข้อมูลของรายงานพบว่าครึ่งปีหลังของปี 2568 นั้นมีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสที่จะกลับมาเติบโตได้แม้จะไม่มาก เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การบังคับใช้ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของ GDP และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไทยทำให้การลงทุนมีความผันผวนมากขึ้น
นักลงทุนหลายคนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่รู้สึกกังวลว่าเมื่อเศรษฐกิจไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้แบบนี้ การลงทุนจะกลายเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นหรือไม่ แล้วเราควรจะปรับพอร์ตยังไงให้วิกฤติที่สร้างความเสี่ยงเหล่านั้นพลิกกลับกลายเป็นโอกาสที่สร้างกำไรได้
ดร. รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ หัวหน้าฝ่าย Investment Strategy และฝ่าย Trading Product Specialist บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้ความเห็นว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ “จัดพอร์ตอย่างสมดุล” โดยให้คำแนะนำว่านักลงทุนรุ่นใหม่ควรจะวางแผนการลงทุน ดังนี้
1. กระจายความเสี่ยง
ในสภาวะตลาดที่มีทั้งความไม่แน่นอนและโอกาสที่จำกัดแบบนี้ การกระจายความเสี่ยงด้วยการจัดพอร์ตแบบ Satellite Portfolio และ Core-Satellite คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่เหมาะกับนักลงทุนยุคใหม่ เทคนิคการลงทุนที่นักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett แนะนำ เพราะช่วยรองรับความเสี่ยง และป้องกันการสูญเสียเงินก้อนใหญ่ได้ โดยแบ่งออกเป็น สัดส่วน 70/30 คือ
2. พิจารณาตลาดหุ้นและสินทรัพย์เฉพาะจุด
แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะยังไม่สดใสนัก แต่ทั้งหุ้นไทยและหุ้นนอกยังมีความหวังอยู่ เช่น หันเงินลงทุนไปที่เวียดนาม เนื่องจากเป็นประเทศที่มีอัตราการถูกเรียกเก็บภาษีจากสหรัฐฯน้อย (20%) จึงมีโอกาสในการแข่งขันและเติบโตมากกว่าประเทศอื่น ๆ และจะมีการอัปเกรดตลาดสู่ Emerging Market ในเดือนหน้า ซึ่ง รัฐศรัณย์มองว่ามีความน่าสนใจเป็นโอกาสในการลงทุนระยะสั้นได้
นอกจากนี้จีนยังเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตของหุ้นเทคโนโลยีสูง และหุ้นจีนโดยรวม มีแนวโน้มที่ดี จึงค่อนข้างน่าสนใจหากคิดจะลงทุน และทองคำ ยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่เหมาะกับพอร์ตกระจายความเสี่ยง โดยสามารถลงทุนผ่านกองทุนทองคำได้
รวมไปถึงหุ้นไทย แม้ตลาดโดยรวมอาจไม่ขึ้นไปมากนัก แต่มูลค่าไม่ได้แพงเกินไป และแนวโน้มการเติบโตก็ไม่ถือว่าแย่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินยังคอยผลักดันให้หุ้นไทยมีหวังอยู่ ดังนั้น กองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยที่เน้นปันผลสูง จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่รัฐศรัณย์มองเห็นโอกาส
3. ติดตามปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมือง
แม้จะมีโอกาส แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องจับตาดูต่อไป เช่น
สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์สำคัญคือการคัดเลือกหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ทั้งในด้านงบดุล รายได้ที่หลากหลาย Valuation ที่เหมาะสม และโอกาสรับอานิสงส์จากเมกะเทรนด์การลงทุนในประเทศและการค้าโลกที่ฟื้นตัว โดยมี 5 หุ้นไทยที่น่าจับตาในไตรมาส 3 ดังนี้
หุ้นสหรัฐ
หุ้นยุโรป
และหุ้นจีน
ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยงและผันผวนตามแนวโน้มสถานการณ์โลก การจัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่าหวังเพียงผลตอบแทนในระยะสั้น แต่ควรมองการลงทุนเป็นเกมระยะยาวที่ต้องวางกลยุทธ์รอบด้าน ทั้งการกระจายความเสี่ยง เลือกสินทรัพย์ที่เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเปลี่ยนวิกฤติและความไม่แน่นอนให้กลายเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน
เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะผ่านเศรษฐกิจแบบไหน นักลงทุนที่เตรียมตัวพร้อมเท่านั้น ที่จะอยู่รอด และเติบโตได้ในทุกสภาวะตลาด และปกป้องเงินลงทุนให้อยู่กับเราได้อีกนาน ๆ
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney