เปิด 5 แนวคิด การเงินพื้นฐานของเศรษฐี ใช้กันมาแล้วหลายชั่วอายุคน รู้ก่อนเปลี่ยนได้ทั้งชีวิต

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เปิด 5 แนวคิด การเงินพื้นฐานของเศรษฐี ใช้กันมาแล้วหลายชั่วอายุคน รู้ก่อนเปลี่ยนได้ทั้งชีวิต

Date Time: 8 ก.ค. 2568 13:07 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

เศรษฐีหลายคน มีวิธีแนวคิดการใช้เงินที่แตกต่างกันออก แต่มี 5 แนวคิดที่เป็นพื้นฐานของความมั่งคั่ง และความสำเร็จ คือใช้เงินให้น้อยกว่าที่หาได้ ลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจ ให้เงินทำงานแทนเรา เลี่ยงหนี้ไม่จำเป็น และส่งต่อความรู้เป็นมรดก

ในโลกที่ความมั่งคั่งร่ำรวยดูเหมือนจะเป็นเรื่องของคนที่รายได้เยอะหรือความโชคดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว เบื้องหลังความสำเร็จทางการเงินของคนรวยหรือเศรษฐีจำนวนมาก กลับซ่อนอยู่ใน “แนวคิด” ที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วหลายชั่วอายุคน

แนวคิดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนหรือเป็นความลับเฉพาะกลุ่มคนรวย หากแต่เป็นหลักการพื้นฐานที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าคุณจะมีรายได้มากหรือน้อย จะทำงานประจำ อาชีพอิสระ หรือเจ้าของกิจการ ความเข้าใจเรื่องเงินและการวางรากฐานให้มั่นคงตั้งแต่วันนี้ คือจุดเริ่มต้นของความมั่งคั่งในอนาคต

เศรษฐีไม่ได้เพียงแค่หาเงินเก่งเท่านั้น แต่เขาคิด และจัดการเงิน อย่างมีกลยุทธ์ มีระบบ มีวินัย และมีเป้าหมายที่ชัดเจน

Thairath Money รวบรวม 5 แนวคิดทางการเงินที่เศรษฐีทั่วโลกยึดถือ และใช้จริง ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยไหน แนวคิดเหล่านี้ยังเป็นที่นิยม และสามารถนำไปปรับใช้ได้กับคนทุกระดับรายได้ หากกำลังมองหาทางเลือกใหม่ในการวางแผนการเงิน หรืออยากสร้างรากฐานที่มั่นคงให้ชีวิต นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดี!

5 แนวคิดการเงินของเศรษฐี


1.เงินให้น้อยกว่าที่หาได้

เป็นแนวคิดที่เป็นพื้นฐานของความสำเร็จ และความมั่งคั่งที่คนรวยหรือเศรษฐียึดมั่น และทำตามกันมาตลอด ไม่ว่ารายได้จะเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ต้องควบคุมการใช้เงินอย่างมีวินัย ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ไม่หลงไปกับไลฟ์สไตล์ที่มันเกินตัว ซึ่งแตกต่างกับคนฐานะปานกลางทั่วไปบางกลุ่มที่หาได้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ใช้มากขึ้นเท่านั้น 


“อย่าให้ไลฟ์สไตล์เราเฟ้อ ตามเงินที่เราได้มา” เมื่อได้เงินมาหรือรายมีรายได้เพิ่ม สิ่งที่ต้องทำก่อนเป็นอย่างแรกคือ “เพิ่มการออม หรือการลงทุน” ไม่ใช่เพิ่มรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และไม่สร้างผลตอบแทนให้กับเรา 


2.ลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจ

ข้อนี้ก็เป็นหนึ่งในกฎเหล็กของนักลงทุนระดับโลก “อย่าลงทุนในสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจเด็ดขาด” เราต้องไม่รีบร้อนกระโจนเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่เราไม่รู้หรือยังศึกษามันไม่มากพอ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น กองทุน คริปโต ฯลฯ เราจะต้องศึกษาในสินทรัพย์ที่เราจะลงทุนให้ดีก่อน ว่าบริษัทนี้ทำกิจการอะไร ผลตอบแทนเป็นอย่างไร ความเสี่ยงน้อยหรือมากขนาดไหน และอื่น ๆ

“ถ้าคุณไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณลงทุน ก็เท่ากับว่าคุณกำลังเล่นการพนัน” - Warren Buffett

3.ให้เงินทำงานแทนเรา

 แทนที่เราจะทำงานเพื่อหาเงินอยู่ตลอดเวลา เราสามารถเลือกใช้เงินที่มีอยู่นั้น สร้างเงินเพิ่มขึ้นมาเองได้หรือที่เรียกว่า “ให้เงินทำงานแทนเรา” คนส่วนใหญ่มักพึ่งรายได้จากการทำงานประจำหรืออาชีพอิสระซึ่งเป็นการแลกแรง และเวลาเพื่อเงิน หากเราล้มป่วยหรือหยุดทำงาน รายได้ก็จะหยุดตามไปด้วย แต่คนที่เข้าใจในหลักการนี้ จะเริ่มมองหาเครื่องมือที่จะช่วยให้เงินงอกเงยมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำงานอยู่ก็ตาม เช่น ลงทุนในหุ้น ลงทุนกองทุนรวม ซื้ออสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่า ทรัพย์สินทางปัญญา ฯลฯ

แนวคิดนี้ไม่ได้จำกัดอยู่กับแค่คนที่มีเงินเยอะ คนที่มีเงินน้อยก็สามารถออมเพื่อลงทุนเดือนละไม่กี่พันบาท ก็สามารถต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้แบบ passive income ได้เช่นกัน หากทำต่อเนื่อง และมีวินัย

เศรษฐีส่วนใหญ่ไม่ได้รวยจากการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว แต่เขาใช้ความรู้ในการวางเงินให้ถูกที่ ถูกเวลา และปล่อยให้เงินทำงานต่อเนื่อง เพื่อให้รายได้ไหลเข้ามาแม้ในวันที่เขาหยุดทำงาน


4.เลี่ยงหนี้ไม่จำเป็น

คนที่เป็นเศรษฐีจำนวนมากเขาไม่ได้ไม่มีหนี้ และไม่ได้กลัวหนี้ แต่เเค่เขารู้จักแยกแยะอย่างชัดเจนระหว่าง “หนี้ที่ดี” กับ “หนี้ที่ไม่ดี” และใช้หนี้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างรายได้ ไม่ใช่สร้างภาระ

หนี้ที่ดี หมายถึงหนี้ที่สามารถสร้างรายได้หรือสามารถเพิ่มมูลค่าในอนาคตได้ เช่น กู้เพื่อซื้อบ้านหรือคอนโดแล้วปล่อยเช่า กู้เพื่อลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง ฯลฯ 

ส่วนหนี้ที่ไม่ดี หมายถึง พฤติกรรมที่ใช้จ่ายเกินตัวกับสิ่งที่ไม่มีความจำเป็น อาจจะผ่อนหรือที่กู้มาจ่ายโดยเฉพาะ เช่น ผ่อนของฟุ่มเฟือย รูดบัตรเครดิตทุกที่แต่ไม่มีเงินเตรียมจ่าย กู้เพื่อมาซื้อรถ กู้เพื่อใช้ชีวิตหรูหรา

หนี้ทุกก้อนคือภาระผูกพันในระยะยาว และดอกเบี้ยคือสิ่งที่กัดกินความมั่งคั่งอย่างช้า ๆ เราจึงต้องคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจสร้างหน้ี และพยายามรักษาสถานะการเงินให้คล่องตัวอยู่เสมอ

5.ส่งต่อ “ความรู้” ไม่ใช่แค่ทรัพย์สิน

ความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่จำนวนทรัพย์สินที่สะสมไว้ได้เพียงอย่างเดียว แต่คือความสามารถในการส่งต่อ “แนวคิดทางการเงิน” จากรุ่นสู่รุ่น เพราะหลายครอบครัวอาจร่ำรวยในรุ่นพ่อแม่ แต่กลับหมดตัวในรุ่นลูกหลาน ไม่ใช่เพราะเงินไม่พอ แต่เพราะไม่มีใครสอนให้รู้ว่า “จะจัดการเงินอย่างไร”

เศรษฐีจำนวนมากจึงให้ความสำคัญกับการปลูกฝังความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องเงินให้กับลูกหลานตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้เงินอย่างรู้คุณค่า การออมอย่างสม่ำเสมอ การลงทุนอย่างมีเหตุผล หรือแม้กระทั่งการรู้จักแยกแยะระหว่างสิ่งจำเป็นกับความฟุ่มเฟือย เพราะพวกเขาเข้าใจดีว่า “เงิน” แม้จะมีมากแค่ไหน ก็สามารถหมดได้ ถ้าคนถือเงินไม่มีความรู้พอที่จะบริหารมัน

บางครอบครัวอาจมีทรัพย์สินหลายพันล้าน แต่หากรุ่นถัดไปไม่เข้าใจการบริหารธุรกิจ การจัดการเงิน การรับมือกับความเสี่ยง หรือแม้แต่การวางแผนภาษีอย่างถูกต้อง ความมั่งคั่งก็อาจจบลงเพียงรุ่นเดียว ในขณะที่บางครอบครัวอาจเริ่มต้นจากศูนย์ แต่เพียงเพราะพวกเขามีความรู้ มีวินัย และเข้าใจการเงินอย่าง ความมั่งคั่งกลับสามารถขยายต่อเนื่องไปได้อีกหลายรุ่น

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเศรษฐีจำนวนมาก ไม่ได้ตั้งเป้าหมายแค่ส่งต่อทรัพย์สิน แต่เขาต้องการส่งต่อความสามารถในการสร้างทรัพย์สินด้วย

แม้แนวคิดเหล่านี้จะดูเรียบง่าย แต่กลับเป็นหัวใจสำคัญที่เศรษฐีจำนวนมากยึดถือ และนำมาใช้จริงตลอดชีวิต การสร้างความมั่งคั่งไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาเพียงอย่างเดียว แต่คือผลลัพธ์ของการคิดอย่างมีระบบ วางแผนอย่างรอบคอบ และลงมือทำอย่างต่อเนื่อง หากคุณเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเงินทีละน้อย เข้าใจเงินมากขึ้นในทุกการตัดสินใจ ความมั่นคงทางการเงินก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ