วัยรุ่นเซ็ง! งานหายาก รายได้ยังไม่มี แต่รายจ่ายพุ่ง 4 เรื่องการเงินที่ Gen Z ต้องรู้และวางแผน

ในยุคที่ "การหางาน" ถือเป็นอีกหนึ่งในความท้าทายของชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเรียนจบ เนื่องจากเศรษฐกิจผันผวน ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ ส่งผลให้วัยรุ่นหลายคนต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองมีงานและมีรายได้ เพียงพอที่จะรับมือกับอนาค

แต่การหางานหรือแม้แต่การสร้างรายได้ในปัจจุบันนั้น แทบจะเรียกได้ว่าเป็นโจทย์ยากสำหรับคนรุ่นใหม่ เพราะพวกเขากำลังเผชิญกับภาวะการจ้างงานที่ชะลอตัวจากการที่หลายบริษัทไม่เปิดรับพนักงานเพิ่ม และตำแหน่งว่างงานน้อยเนื่องจากไม่มีใครอยากเสี่ยงกับเศรษฐกิจที่ไม่มีความแน่นอน

"เศรษฐกิจที่ชะลอตัวทําให้หลาย ๆ คน โดยเฉพาะผู้สําเร็จการศึกษาใหม่ที่มีประสบการณ์น้อยที่สุด เสียเปรียบ" Stephen Kates นักวิเคราะห์ทางการเงินของ Bankrate, CFP กล่าว

ไม่มีงาน แต่ต้องมีเงิน - 4 เรื่องการเงินที่ Gen Z ต้องรู้

จากรายงานของ Bankrate พบว่า การที่งานหายากนั้นไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังทำให้กระเป๋าสตางค์ของพวกเขาเริ่มหดตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ

แม้ว่าเด็กจบใหม่ส่วนใหญ่จะยังไม่มีงานและขาดรายได้ แต่รายจ่ายนั้นเกิดขึ้นในทุก ๆ วัน เช่น ค่าเช่าห้อง ค่าอาหาร ค่าของใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นเราจึงต้องวางแผนการเงินให้ดีเพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่ผันผวนและตลาดแรงงานที่มีความท้าทายสูง โดยเริ่มจากวิธีง่าย ๆ คือ

1. ใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็น
อุปสรรคใหญ่ด้านการเงินที่ทั้งคนมีงานและว่างงานกำลังต้องเผชิญอยู่ คือ “ค่าครองชีพ” ที่พุ่งสูง ทำให้การประหยัดในยุคนี้เป็นเรื่องยากมากขึ้น ดังนั้น จนกว่าจะได้งานประจำที่มีรายได้มั่นคงและเพียงพอ เราอาจต้องยอมปรับวิถีชีวิตบางอย่างเพื่อให้ “อยู่รอด” โดยเราต้องเริ่มจากการมองว่า เงินทุกบาทมีค่า และเลือกจ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็น เช่น

• อยู่บ้านเดียวกันกับครอบครัวต่อไป เพื่อประหยัดค่าเช่าห้อง
• งดหรือจ่ายค่ากาแฟให้น้อยลง
• พักการช้อปปิ้งฟุ่มเฟือย
• ยกเลิกการสมัครสมาชิกแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน

2. ยิ่งมีหนี้ ยิ่งต้องออม
หากคุณมีหนี้จากการกู้ยืมเพื่อการศึกษา ต้องพยายามเก็บเงินให้อยู่กับตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงหกเดือนหลังเรียนจบ เพื่อให้มีเงินไปชำระหนี้ที่ติดค้างไว้ก่อนที่ดอกเบี้ยจะสะสมและบานปลายจนเราแบกหนี้ไม่ไหว เช่น กยศ. มีการเก็บดอกเบี้ย 1% ต่อปี โดยต้องคืนให้กองทุนภายใน 15 ปี นับตั้งแต่วันที่ต้องเริ่มชำระ

หรือหากมีหนี้บัตรเครดิตก็ต้องรีบชำระยอดที่ค้างไว้ ก่อนดอกเบี้ยจะพอกพูนเกินควบคุม เพราะดอกเบี้ยจากหนี้ของบัตรเครดิตเหล่านั้นจะค่อย ๆ กัดกินเงินในกระเป๋าของเราอย่างเงียบ ๆ ดังนั้นการวางแผนออมเงินไว้จึงสำคัญ เพราะเราจะได้มีเงินมาปิดภาระหนี้สินที่ติดตัวให้หมดไป

3. ตรวจสอบสุขภาพการเงินของตัวเอง
การตรวจเช็กการเงินของตัวเองนั้นมีสำคัญ เพราะมันจะทำให้เรารู้ว่าสถานะทางการเงินของเราเป็นแบบไหน ปลอดภัยหรือน่าห่วง ถ้าเข้าขั้นวิกฤติ เราควรจะทำยังไงให้สุขภาพเงินของเรากลับมาดีอีกครั้ง

โดยเช็กสภาพคล่องทางการเงินของตัวเราเอง จาก

1. งบดุลส่วนบุคคล 
2. งบรายรับ - รายจ่าย
3. อัตราส่วนสภาพคล่อง
4. อัตราส่วนเงินออม

4. หารายได้เสริมขณะที่รองานประจำ
แม้ว่ายุคนี้งานจะหายาก แต่เราสามารถหารายได้ให้ตัวเองด้วยงานเสริมได้ ซึ่งหากเราทำได้ดี มันอาจจะกลายเป็นแหล่งรายได้หลักที่สร้างเม็ดเงินให้เรามากกว่างานประจำที่เรากำลังรออยู่ก็ได้ เช่น

• สอนพิเศษ ใช้ความรู้ที่ได้รับจากสถานศึกษา และใบปริญญาเป็นตัวการันตี ในการติวหนังสือให้นักเรียน
• ขายของออนไลน์ เช่น ไลฟ์สดขายเสื้อผ้าผ่านแพลตฟอร์ม Facebook หรือ Tiktok
• ตัวแทนจำหน่ายสินค้า หากงบน้อย ยังไม่พร้อมมีธุรกิจของตัวเอง สามารถเริ่มจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายไลฟ์ขายสินค้าได้
• งานฟรีแลนซ์ เช่น งานเขียนหรือออกแบบกราฟิก  
• ทำคอนเทนต์ผ่านช่อง Youtube หรือ Tiktok ใช้งานอดิเรกและโซเชียลมีเดียในการสร้างรายได้ เช่น รีวิวอาหารหรือท่องเที่ยว เพื่อให้คนติดตามจนมีโฆษณาเข้ามาจ้าง
• ไรเดอร์ รับส่งอาหาร หรือให้บริการขับรถ

ทั้งนี้ ยังมีอีกหลายวิธีในการสร้างรายได้ที่ไม่จำเป็นต้องรอแค่งานประจำเพียงอย่างเดียว เพราะในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนและการแข่งขันสูง การหางานอาจไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา

ในระหว่างที่รอโอกาสที่ใช่สำหรับตัวเอง อย่าลืมดูแลด้านการเงินให้มั่นคง วางแผนล่วงหน้า ใช้จ่ายอย่างมีสติ และเก็บออมอย่างสม่ำเสมอ เพราะพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแรง จะช่วยให้เราพร้อมรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอน

ที่มา : Bankrate, Jobsdb, ออมตังค์

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney