เริ่มลงทุน ใครว่ายาก! เปิด 4 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนลงทุน ระวังประโยคเสี่ยง “การันตีผลตอบแทน”

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เริ่มลงทุน ใครว่ายาก! เปิด 4 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนลงทุน ระวังประโยคเสี่ยง “การันตีผลตอบแทน”

Date Time: 28 มิ.ย. 2568 14:52 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

เปิด 4 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนลงทุน สรุปเวิร์กช็อป "วิธีการวางแผนการเงิน" ในงาน Thairath Money Roadshow 2025 กรุงเทพฯ ผู้เชี่ยวชาญ เน้นย้ำ การเริ่มลงทุนไม่ใช่เรื่องไกลตัว และสามารถเริ่มต้นได้ หากเข้าใจความรู้พื้นฐานก่อนเริ่มลงทุน และเลือกลงทุนกับสิ่งที่เหมาะสมกับการเงินของตัวเรา ชี้ “การันตีผลตอบแทน” ไม่มีจริง!

ในยุคที่รายจ่ายเพิ่มขึ้นทุกวัน การเก็บเงินอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป “การวางแผนการลงทุน” จึงกลายเป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน ผู้ประกอบการ หรือคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นสร้างฐานะ การลงทุนอย่างมีระบบ ไม่เพียงช่วยให้เงินงอกเงย แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวอีกด้วย

ในงาน Thairath Money Roadshow 2025 กรุงเทพฯ เวิร์กช็อปในหัวข้อ “วิธีการวางแผนการลงทุน” โดย “กาญจนา อ๊อดทรัพย์” นักวางแผนการเงิน จากสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าใจหลักการลงทุนขั้นพื้นฐานได้อย่างถูกต้อง โดยมีการให้คำปรึกษาแบบเจาะลึกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเงินตัวจริงภายในงานอีกด้วย

หนึ่งในหัวข้อสำคัญที่ถูกพูดถึงบนเวที คือ “สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มลงทุน” ซึ่ง กาญจนา ได้อธิบายหลักคิดไว้อย่างชัดเจน โดยเน้นย้ำว่าการลงทุนไม่ใช่เรื่องไกลตัว และสามารถเริ่มได้แม้มีเงินไม่มาก หากมีเป้าหมายที่ชัดเจน และเข้าใจสิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มลงทุน 4 ข้อสำคัญนี้

4 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มลงทุน

1.เป้าหมายการลงทุน


การลงทุนที่ดีควรเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เช่น ต้องการเกษียณตอนอายุ 60 ปี ต้องการมีเงินเก็บ 3 ล้านบาทในอีก 20 ปี หรืออยากใช้เงินก้อนในอีก 5 ปีเพื่อดาวน์บ้าน การมี “ตัวเลข” และ “กรอบเวลา” ที่ชัดเจนจะทำให้สามารถวางแผนอย่างเป็นระบบ และคำนวณต่อได้

2.ความเสี่ยงในการลงทุน


ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตาม เช่น อสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวม หุ้น ฯลฯ ซึ่งความเสี่ยงในที่นี้ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ

  • ความเสี่ยงที่ “ตัวเรา” สามารถยอมรับได้ เช่น บางคนอาจรับความผันผวนของราคาหุ้นได้มาก หรือบางคนต้องการความมั่นคง
  • ความเสี่ยงของ “สินทรัพย์” ที่เราเลิกจะลงทุน เช่น หุ้นมีโอกาสเติบโตสูง แต่ก็ผันผวนสูงเช่นกัน แต่ในขณะที่พันธบัตรหรือเงินฝากมีความเสี่ยงต่ำ แต่ผลตอบแทนก็ต่ำตาม การประเมินความเสี่ยงสามารถใช้เครื่องมือจำลอง เช่น แบบสอบถาม หรืองานเวิร์กช็อปจำลองการตัดสินใจทางการเงิน


3.ผลตอบแทนของสินทรัพย์นั้น ๆ


การลงทุนแต่ละแบบให้ผลตอบแทนต่างกัน เช่น หุ้นปันผลอาจให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3 - 7% ต่อปี ขณะที่เงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 0.5 - 1%
สิ่งสำคัญคือ ไม่มีการลงทุนใด “การันตีผลตอบแทน” ได้แน่นอน หากมีการชวนลงทุนที่ระบุว่าให้ผลตอบแทนสูงโดยไม่มีความเสี่ยง เช่น 10% ต่อปีตลอดเวลา ควรตั้งข้อสงสัยทันทีว่าอาจเป็นการหลอกลวง


4.สภาพคล่องของสินทรัพย์ที่เราจะลงทุน


สภาพคล่องหมายถึงความสามารถในการเปลี่ยนสินทรัพย์กลับมาเป็นเงินสด เช่น หุ้นขายได้ทันที แต่ที่ดินอาจต้องใช้เวลาหลายเดือน เราควรเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะกับสภาพคล่องที่เราต้องการ เช่น หากต้องใช้เงินภายใน 1 ปี อาจไม่ควรลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ขายออกได้ยาก


" เมื่อเราเข้าใจพื้นฐานเหล่านี้แล้ว คำถามสำคัญถัดมาคือ “แล้วเราจะเริ่มลงทุนอย่างไร?” การมีแค่ความรู้ไม่เพียงพอ หากไม่มีแผนที่ชัดเจน การสร้าง “พอร์ตการลงทุน” ที่เหมาะกับตัวเองจึงเป็นอีกขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม" 

5 วิธีสร้างพอร์ตการลงทุน ฉบับพื้นฐาน 

“กาญจนา” ยังได้แนะนำวิธีสร้างพอร์ตการลงทุนอย่างเป็นขั้นตอน โดยเริ่มจากการตั้งเป้าหมาย และนำข้อมูลส่วนบุคคลมาคำนวณวางแผนต่อ 

1.ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
ระบุให้ชัดว่าเป้าหมายคืออะไร ต้องใช้เงินเท่าไหร่ และเมื่อไหร่เราจะใช้ เช่น “อยากเกษียณในอีก 25 ปี และต้องมีเงินอย่างน้อย 5 ล้านบาท”

2.ประเมินเงินต้นและกระแสเงินสด
ตรวจสอบว่าเรามีเงินเก็บอยู่เท่าไหร่ และสามารถออมเพิ่มได้เดือนละกี่บาท เช่น มีเงินเก็บเริ่มต้น 100,000 บาท และออมได้เดือนละ 5,000 บาท

3.วิเคราะห์ผลตอบแทนที่ต้องการ
คำนวณดูว่า จากเงินต้นและการออมรายเดือน ต้องการผลตอบแทนเฉลี่ยกี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะไปถึงเป้าหมาย เช่น 5% ต่อปี หรือ 7% ต่อปี


4.เลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสม และจัดสัดส่วนให้เหมาะกับความเสี่ยงที่เรารับได้
ถ้ารับความเสี่ยงได้สูง อาจเลือกลงทุนในหุ้น 70% และพันธบัตร 30% แต่ถ้ารับความเสี่ยงต่ำ อาจเน้นกองทุนรวมแบบผสม หรือเน้นเงินฝาก นอกจากนี้การกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเสี่ยงของพอร์ต


5.ปรับพอร์ตอย่างต่อเนื่อง
พอร์ตการลงทุนไม่ใช่สิ่งตายตัว เมื่อเป้าหมายเปลี่ยน หรือสภาวะตลาดเปลี่ยน ควรกลับมาทบทวนและปรับพอร์ตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง


“การที่เราจะลงทุนในอะไรสักอย่าง คำถามสำคัญที่สุดก็คือ ถ้าลงทุนในสิ่งนั้นแล้ว เราจะสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจไหม” ประโยคนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนแก่นของการวางแผนการเงินได้ดีที่สุด เพราะเป้าหมายของการลงทุน ไม่ได้มีแค่ผลตอบแทน แต่คือความมั่นใจและความสบายใจในอนาคตทางการเงินของเราเอง

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ