เปิดคู่มือชีวิต “คนเป็นหนี้” หนี้ท่วมหัว ไม่ต้องกลัว ถ้า “รู้-รับ-ปรับ-แก้” ทันเวลา

มีหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การปล่อยให้มันบานปลายโดยไม่จัดการต่างหากที่น่ากังวล ทุกวันนี้คนจำนวนไม่น้อยกำลังเผชิญภาระหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือหนี้ที่เกิดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างเจ็บป่วย ตกงาน หรือวิกฤตโควิดที่ผ่านมา

หลายคนรู้ตัวว่ามีปัญหา แต่กลับรู้สึกอาย ไม่กล้าขอคำแนะนำ หรือไม่รู้จะเริ่มต้นแก้จากตรงไหน สุดท้ายหนี้ก็สะสมจนกลายเป็นภาระหนักที่ฉุดชีวิตให้ติดลบ วันนี้ Thairath Money จะพาทุกคนไปรู้จักวิธีแก้หนี้ด้วยการลองหยุดคิด ทบทวน และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ด้วยหลักการง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณค่อย ๆ คลี่คลายหนี้ด้วยคำแนะนำจากเวที Workshop ในงาน Thairath Money Roadshow โดยผู้เชี่ยวชาญจากคลินิกแก้หนี้ by SAM 

เปิดคัมภีร์รับมือหนี้ - รู้ รับ ปรับ แก้ 

ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูง รายได้ไม่ทันรายจ่าย คนจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับ “หนี้” ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามบางคนรู้ว่ามีหนี้แต่ไม่กล้าเผชิญ บางคนไม่รู้จะเริ่มแก้ตรงไหน และบางคนปล่อยให้หนี้สะสมจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง แต่การแก้หนี้ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากเริ่มจากก้าวแรกอย่างถูกวิธี ดังนี้

“รู้” คือการรู้ตัวเองจากการสำรวจภาระหนี้สินเพื่อให้เห็นว่าเรามีหนี้อะไรอยู่บ้างในตอนนี้ โดยโดยแบ่งออกเป็น 

• รู้ว่าวันนี้เรามีหนี้อะไร เช่น มีหนี้บัตรเครดิต หรือดอกเบี้ยบ้านที่ต้องแบกรับ
• รู้ว่าเรามีหลักประกัน สินเชื่อ/สินทรัพย์เช่าซื้ออะไรที่จะมาค้ำประกันให้เราได้ไหม
• รู้จักเจ้าหนี้ของเราเพื่อเจรจาต่อรองหนี้
• รู้อัตราดอกเบี้ย เพื่อจัดลำดับตั้งแต่มากสุดไปน้อยสุดเพื่อวางแผนชำระหนี้
• รู้ยอดหนี้คงเหลือและยอดผ่อนชำระต่อเดือน เพื่อรวมยอดคงเหลือ และวางแผนผ่อนชำระต่อเดือน

ซึ่งการ “รู้” เรื่องหนี้ของตัวเอง จะทำให้เราวางแผนการจัดการหนี้ได้เป็นระบบมากขึ้นด้วยการทำตารางเพื่อให้รู้ว่าเราต้องชำระหนี้ก้อนไหนก่อน และกำหนดการชำระ ก่อนที่เราจะมีหนี้ติดตัวไปจนถึงวัยเกษียณ

2. รับหนี้ของตัวเองให้ได้ คลินิกแก้หนี้ by SAM กล่าวว่า การ “รับ” สำคัญกว่ารู้ เพราะเมื่อเรารู้แล้วว่าเรามีหนี้มาจากอะไร และมีมากเท่าไหร่ แต่ถ้าเราไม่รับมันให้ได้ ก็เท่ากับว่ารู้ไปก็สูญเปล่า เราต้องรับความจริงให้ได้ก่อนว่าหนี้ของเราเกิดจากอะไร

สาเหตุของการเกิดหนี้ส่วนใหญ่มาจาก 4 เรื่อง ได้แก่

• ไลฟ์สไตล์ คือการที่เราถือคติของมันต้องมี บางคนอาจซื้อของมาเยอะ ๆ เพื่อโพสต์อวดในโซเชียล และกลายเป็นหนี้เพราะใช้เงินเกินตัว ดังนั้นควรเริ่มจากการหยุดช้อปตามใจตัวเอง
• สถานการณ์บางอย่างไม่คาดฝัน เช่น โควิด, ตกงาน หรือป่วยกระทันหัน ซึ่งเกิดจากความไม่คาดคิด ดังนั้น ต้องมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน เพราะยามฉุกเฉินเราจะสามารถใช้เงินก้อนนี้เพื่อไม่ให้การเงินสะดุดและติดหนี้
• ขาดความรู้ทางการเงิน อาจทำให้ไม่กล้าวางแผนการเงินเลย และเสี่ยงที่จะเข้าใจผิดเกี่ยวกับสัญญาเงินกู้ต่าง ๆ
• หวังรวยทางลัด เช่น การพนัน ที่อาจทำให้เราหมดตัวและติดหนี้ได้ภายในชั่วพริบตา

3. การ “ปรับ” แก้หนี้ คือการหาวิธีที่เหมาะสมโดยให้เจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อให้เราหาจุดที่จะสามารถปรับแก้หนี้ของเราได้ โดยเริ่มจากเพิ่มรายได้, ลดรายจ่ายด้วยการต้องเลือกเฉพาะของที่จำเป็น, ขายสินทรัพย์ และปรับโครงสร้างหนี้ ด้วยวิธีดังนี้

• ลด คือการลดอัตราดอกเบี้ย, ผ่อนแบบขั้นบันได (Step Up) และปิดจบจ่ายคืนหนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้มีดอกเบี้ย
• ขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ เปลี่ยนประเภทหนี้จากสินทรัพย์
• ขาย หากมีหนี้ไม่ต้องกลัวหรือหมดหวัง ขายสินทรัพย์เพื่อรีเซ็ตชีวิตใหม่
• พัก ให้พักชำระหนี้ก่อนเพื่อให้เรามีเวลาเก็บเงินไปแก้หนี้

4. และสุดท้ายคือแก้หนี้ด้วยการออมก่อนใช้, ออมฉุกเฉิน, แบกหนี้เท่าที่ไหว และจัดทำแผนใช้เงิน โดยกลยุทธ์ปรับหนี้จาก คลินิกแก้หนี้ by SAM มีดังนี้

• รีบกลับไปเจรจา อย่ารอช้า
• อ่านใจเจ้าหนี้ และวิธีการคุยกับเจ้าหนี้
• แสดงความจริงใจให้ความร่วมมือ
• สรุปการปรับหนี้ร่วมกัน จับมือพ้นทางตัน
• รักษาวินัยการชำระหนี้ สัญญาต้องเป็นสัญญา

ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้เราสามารถแก้ไขหนี้ได้โดยไม่ต้องหนักตัวเองมากเกินไปจากคำแนะนำของ คลินิกแก้หนี้ by SAM การมีหนี้ไม่ใช่จุดจบของชีวิต แต่คือจุดเริ่มต้นของการวางแผนใหม่อีกครั้ง หากเรา “รู้ รับ ปรับ แก้” อย่างถูกทาง มีวินัยและความตั้งใจ หนี้ก้อนใหญ่ก็สามารถคลี่คลายได้อย่างเป็นระบบ

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney