สรุปเวิร์กช็อป "วางแผนการเงินแบบ Step-by-step" จาก อรธิมา เทพสุยะ ในงาน Thairath Money Roadshow 2025 เน้นย้ำว่าการวางแผนภาษีไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเข้าใจวิธีคำนวณรายได้สุทธิ และใช้ 4 กลยุทธ์ลดหย่อนภาษี ก็สามารถลดรายจ่ายและเพิ่มเงินในกระเป๋าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาษีเป็นเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนมักมองข้าม หรือรู้สึกว่าซับซ้อนและยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การวางแผนภาษีกลับเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญ ที่ช่วยให้คุณบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น
อรธิมา เทพสุยะ นักวางแผนการเงิน CFP จากสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้มาไขข้อข้องใจและมอบเคล็ดลับดี ๆ ในงาน Thairath Money Roadshow 2025 ผ่าน Mini Workshop "วางแผนการเงินแบบ Step-by-step" ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า การวางแผนภาษีไม่ได้ยากอย่างที่คิด จาก 4 ขั้นตอนที่ทั้งง่ายและมีประสิทธิภาพ จากนักวางแผนการเงินตัวจริง
ก่อนจะเริ่มวางแผนลดหย่อนภาษี สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจว่ารายได้สุทธิของเราคำนวณอย่างไร ตามหลักกฎหมายแล้ว รายได้สุทธิคือรายได้ที่เราได้รับตลอดทั้งปี หักด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆ ที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งรายได้สุทธิที่ได้นี้ จะเป็นฐานในการคำนวณภาษีที่เราต้องจ่าย ดังนั้น การรู้และเข้าใจการคำนวณรายได้สุทธิของตัวเองจะช่วยให้เราสามารถประเมินภาษีที่ต้องจ่ายได้แม่นยำขึ้น และวางแผนลดหย่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับวิธีการคำนวณ "รายได้สุทธิ" เพื่อนำไปคำนวณภาษี จะทำตามสูตรดังนี้
รายได้สุทธิ = เงินได้พึงประเมิน - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
หลังจากได้ "รายได้สุทธิ" แล้ว จะนำไปคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนเงินได้สุทธิ ยิ่งเงินได้สุทธิสูง อัตราภาษีที่ต้องจ่ายก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนี้
อรธิมา เทพสุยะ นักวางแผนการเงิน CFP จากสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้เน้นย้ำว่า ภาษีเปรียบเสมือนรายจ่ายชนิดหนึ่งที่เราสามารถการวางแผนให้ลดลงได้ และเมื่อรายจ่ายในส่วนนี้ลดลง ก็จะทำให้เรามีเงินเหลือไปจัดการและวางแผนการเงินในเรื่องอื่นๆ ได้มากขึ้น
โดย อรธิมา ได้สรุป 4 ขั้นตอนสำคัญในการวางแผนลดหย่อนภาษีไว้ดังนี้
1. ประเมินภาษีที่เราต้องจ่าย
สิ่งแรกที่เราต้องรู้คือ เราเสียภาษีเท่าไร โดยการประมาณการภาษีที่เราจะต้องจ่ายในแต่ละปี เพื่อให้เห็นภาพรวมและเป็นจุดเริ่มต้นในการวางแผน
2. ประเมินความคุ้มค่าในการลดหย่อนภาษี
หลังจากที่ทราบภาษีที่ต้องจ่ายแล้ว ให้ลองประเมินว่าการวางแผนลดหย่อนภาษีจะช่วยให้ภาษีลดลงคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งต้องสำรวจตัวเองว่าการลงทุนในผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษีนั้น เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของเราหรือไม่ หากลดลงแล้วคุ้มค่าก็ควรดำเนินการ
3. การใช้กลยุทธ์ภาษี
การวางแผนภาษีมีหลายวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นการลดเงินได้สุทธิ, การเพิ่มรายจ่ายที่สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ หรือการลดเงินได้พึงประเมิน เพื่อให้ฐานภาษีของเราลดลง
4. เลือกค่าลดหย่อน หรือสินค้าทางการเงินที่เหมาะกับแผนการเงินของตัวเอง
ขั้นตอนสุดท้าย คือการเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นกองทุนต่างๆ เช่น ThaiESG, Thai ESGX และ RMF ซึ่งมีความแตกต่างกัน ในเรื่องของวัตถุประสงค์และเงื่อนไขการลงทุน หรือแม้แต่หมวดสินค้าประกันอย่างประกันบำนาญ ที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวของเรามากที่สุด
การวางแผนภาษีไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป หากเราเข้าใจและวางแผนอย่างเป็นระบบ ก็จะสามารถบริหารจัดการภาษีให้เป็นประโยชน์ต่อการเงินของเราได้อย่างแน่นอน