“การเมือง” สั่นคลอน แต่ “การเงิน” ต้องมั่นคง จัดการเรื่องเงินให้อยู่รอดทุกมรสุม

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“การเมือง” สั่นคลอน แต่ “การเงิน” ต้องมั่นคง จัดการเรื่องเงินให้อยู่รอดทุกมรสุม

Date Time: 20 มิ.ย. 2568 13:43 น.

Video

SAWAKAMI บลจ.ญี่ปุ่นบุกไทย | BrandStory Exclusive EP.26

Summary

เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงจากปัญหาการเมืองที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุน ดังนั้นเรื่องการเงิน - การลงทุนจึงต้องวางแผนให้ดีก่อนสูญเงินเพราะความเสี่ยง

เศรษฐกิจไทยช่วงนี้นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง เพราะปัญหาการเมืองยังคงร้อนแรงหลังจากที่มีคลิปเสียงการสนทนาของ "ฮุน เซน" อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กับนายกรัฐมนตรีไทย "แพทองธาร ชินวัตร" หลุดออกมา

แม้นายกฯ จะอ้างว่านี่เป็นเพียงแค่เทคนิคการเจรจาต่อรองเพื่อความสงบระหว่างชายแดนไทย - กัมพูชาเท่านั้น แต่บทสนทนาเหล่านั้นทำให้ความเชื่อมั่นของคนไทยที่มีต่อรัฐบาลหายไปภายในชั่วข้ามคืน

การเมือง สะเทือนถึงการเงินคนไทยยังไง?

หลายคนอาจคิดว่า "การเมือง" เป็นเรื่องไกลตัวและไม่กระทบกับเงินในกระเป๋า แต่จริง ๆ แล้วคุณกำลังเข้าใจผิด 

ตัวอย่างเช่นสถานการณ์ในปัจจุบัน ประชาชนเริ่มกดดันให้นายกฯ เลือกระหว่างลาออกหรือยุบสภาเพื่อแสดงความรับผิดชอบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่เคยรักกันดีก็ประกาศแยกตัวออกไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นการขาดความเชื่อมั่นของคนไทยที่มีต่อรัฐบาลและอาจนำไปสู่การแย่งชิงอำนาจของนักการเมือง

และหากเกิดความขัดแย้งทางการเมือง อาจส่งผลให้เศรษฐกิจที่กำลังซบเซาเริ่มถดถอยลงเรื่อย ๆ เพราะขาดความมั่นคง ผู้คนจะใช้เงินน้อยลงเพราะต้องประหยัดเพื่ออยู่รอดจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว ธุรกิจในประเทศจะหยุดชะงักและตลาดจะปิดรับความเสี่ยงด้วยการไม่รับคนงานเพิ่ม เด็กจบใหม่จะไม่มีงานทำ ค่าแรงแต่ละวันอาจไม่พอสำหรับรายจ่ายที่เพิ่มมากขึ้น 

ดังนั้น การเมืองจึงไม่ใช่แค่เรื่อง "ดราม่า" หรือเล็กน้อยอย่างที่หลายคนคิด แต่มันคือหนึ่งในปัจจัยความเสี่ยงที่คนในประเทศกำลังแบกเอาไว้บนหลัง เพราะเราไม่รู้เลยว่ามรสุมการเมืองเหล่านั้นจะส่งผลต่อเศรษฐกิจมากแค่ไหน หรือจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ใจได้คือมันจะกระทบต่อการเงินของเราแน่หากวางแผนรับมือไม่ดีพอ

แผนรองรับความเสี่ยงด้านการเงิน - การลงทุน จากเหตุการณ์ไม่คาดคิด

เมื่อการเมืองไม่มั่นคงและเศรษฐกิจผันผวน การมีเงินสำรองถือเป็นสิ่งจำเป็นมากที่สุดเพราะเราไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ โดยเฉพาะกับพนักงานบริษัทที่มีรายได้จากแค่ช่องทางเดียว

โดยทั่วไปแล้วเงินออมฉุกเฉินของหนึ่งคนควรมี 3 - 6 เท่าของเงินเดือน แต่พนักงานบริษัทควรจะมีเงินออมสำหรับฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้น เช่น จากเดิมที่ออม 4 เท่าของเงินเดือน ให้เก็บมากขึ้น 6 - 8 เท่า เพราะต้องเผื่อไว้สำหรับการเกิดเหตุไม่คาดคิดทางการเงินที่อาจทำให้บริษัทปิดตัว และเราต้องออกจากงาน

รวมไปถึงเหล่าฟรีแลนซ์ที่มีรายได้ขึ้นอยู่กับค่าคอมมิชชั่นก็อาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและตกอยู่ในภาวะที่การเงินลดน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะรายได้ต่ำ จึงต้องเริ่มเก็บออมเงินฉุกเฉินไว้ด้วยเหมือนกัน แต่ต้องเพิ่มเงินออมอีกหนึ่งก้อนสำหรับกรณีที่รายได้ลด และต้องใช้จ่ายอย่างรัดเข็มขัดมากขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น แต่นักลงทุนเองก็ต้องระวังความเสี่ยงจากปัจจัยของเศรษฐกิจและการเมืองเช่นกัน โดย

  1. ทำความเข้าใจและประเมินความเสี่ยงด้านสถานการณ์การเมืองก่อนลงทุน
  2. กระจายความเสี่ยงและมองหาทางเลือกใหม่ ๆ เช่น หุ้นนอก ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเมืองในประเทศ
  3. ติดตามข่าวสารอยู่เสมอเพื่อให้รู้ทิศทางการเมือง
  4. มีส่วนร่วมและสนับสนุนธุรกิจที่เราถือหุ้น เพื่อผลักดันให้บริษัทอยู่รอดเมื่อการเมืองผันผวน
  5. เสริมสร้างความแกร่งทางการเงินด้วยการออม ยิ่งออมมาก ยิ่งมีผลดีต่อตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางการเมืองเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อการลงทุน ดังนั้นจึงควรติดตามข่าวสารอื่น ๆ ด้วย เช่น ปัจจัยทางเศรษฐกิจ นวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม และต้องไม่ลืมที่จะวิเคราะห์และวางแผนให้รอบคอบทุกครั้งก่อนลงทุน รวมถึงเก็บออมเพื่อเป็นเงินสำรองฉุกเฉินในอนาคต


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money 

เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดี" ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney

ที่มา : BBLAMInvestree


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ