เรื่องเงินเรื่องใหญ่ รักเท่ากัน แต่ "เงิน"ในกระเป๋าไม่เท่ากัน จัดการยังไงให้รักไม่พัง!

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เรื่องเงินเรื่องใหญ่ รักเท่ากัน แต่ "เงิน"ในกระเป๋าไม่เท่ากัน จัดการยังไงให้รักไม่พัง!

Date Time: 18 มิ.ย. 2568 08:29 น.

Video

จาก "รวยเงิน จนเวลา" สู่เกษียณ 35! ของพอล ภัทรพล? l Money Secret EP.13

Summary

6 ทางออก คู่รักต่างฐานะ จัดการเรื่องเงินอย่างไรดี ให้รักไม่พัง! ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งไม่หยุด เปิดอกคุยกันให้มากขึ้น ปรับสไตล์ชีวิตให้บาลานซ์ และหาจุดตรงกลางให้เจอ เพราะคำว่า “รัก”อย่างเดียวไม่เคยพอ

Latest


ในยุคที่เราต้องพบเจอกับสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และค่าครองชีพที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ  การวางแผนทางการเงินจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน โดยเฉพาะ “คู่รัก” ที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว คู่รักหลาย ๆ คู่ ก็ต่างมีสถานะทางการเงินที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรายได้ สภาวะหนี้สิน พฤติกรรมการใช้จ่าย หรือพื้นฐานฐานะทางบ้าน ก่อนพบเจอกัน


ความแตกต่างเหล่านี้สำหรับบางคู่ก็อาจจะเป็นเรื่องปกติ และสามารถยอมรับกันได้ แต่สำหรับบางคู่ก็อาจจะเป็น “จุดเสี่ยงหรือจุดจบ” ของความสัมพันธ์ได้เลย เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหว ควรมีการพูดคุย และหาวิธีจัดการร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง แต่คำถามก็คือ “ถ้ารักกัน แต่รายได้ และฐานะทางการเงินแตกต่างกันขนาดนั้น จะจัดการยังไง” 

6 ทางออก คู่รักฐานะต่างกัน ไปต่ออย่างไรดี 


Thairath Money ได้รวบรวมวิธีจัดการการเงิน 5 แนวทาง สำหรับคู่รักที่มีสถานะทางการเงินต่างกัน เพื่อให้สามารถวางแผนการเงิน ชีวิต และชีวิตรักได้อย่างเป็นระบบ และยั่งยืน

1.สร้างพื้นที่ปลอดภัยทางการเงินซึ่งกันและกัน

การที่เราได้รักใครสักคนหนึ่ง บางคนอาจจะไม่ได้เอาเรื่องฐานะมาเป็นความสำคัญลำดับแรก แต่ถ้าความสัมพันธ์มันสามารถเดินไปข้างหน้าต่อได้จริง ๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าการที่เราจะสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางการเงินซึ่งกันและกันนั้น เป็นเรื่องที่จำเป็น และสำคัญ ไม่ว่าสถานะทางการเงินของคนทั้งสองคนจะต่างกันแค่ไหน เพราะมันคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เราสามารถเปิดใจคุยเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ได้อย่างตรงไปตรงมา

โดยที่ไม่กลัวว่าจะถูกตัดสิน  ถูกล้อ หรือโดนดูถูกเหยียดหยาม เช่น มีรายได้เท่าไหร่ มีหนี้สินไหม มีรายได้ทั้งหมดกี่ทาง หรือวางแผนการเงินในอนาคตไว้ว่าอย่างไรบ้าง เป็นต้น เพื่อให้เราได้รู้การเงินของเขาเป็นอย่างไร ว่าทัศนคติทางการเงินของเขาเป็นอย่างไร ถ้ามีอะไรไม่ถูกไม่ควร เราจะได้สามารถมาคุยกันเพื่อปรับแก้กันได้

2.ปรับรูปแบบการใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์

คู่รักบางคู่ไม่ได้ต่างกันเเค่เรื่องรายได้ และฐานะ แต่อาจจะแตกต่างในเรื่องของการใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์ด้วย บางคนอาจจะมีไลฟ์สไตล์ที่ธรรมดาทั่วไป ชอบความเรียบง่าย ในขณะที่อีกคนอาจจะมีไลฟ์สไตล์ที่ดูหรูดูแพง ใช้ชีวิตแบบ Enjoy หรือสามารถใช้เงินซื้อประสบการณ์ต่าง ๆ ได้ โดยคู่รักที่มีฐานะต่างกัน ก็ย่อมที่จะมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป

ซึ่งความต่างเหล่านี้ “ไม่ผิดเลย” ถ้าคบกันตอนแรก ๆ เรื่องนี้ก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ แต่ถ้าเวลาผ่านไปหรือใช้ชีวิตร่วมกันจริง ๆ แล้ว ก็อาจจะเป็นปัญหาความรู้สึกเหลื่อมล้ำ รู้สึกไม่เท่าเทียม หรือน้อยเนื้อต่ำใจได้ เพราะฉะนั้น การที่เราปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ทั้งสองฝ่ายเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น และควรทำเป็นอย่างมาก


หาตรงกลางให้เจอ ไม่ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเอง 100% เช่น ถ้าอยากไปเที่ยว ก็ให้ลดทริปที่มีค่าใช้จ่ายที่สูงลง และหาทริปที่ทั้งสองฝ่ายไปได้โดยที่ไม่อึดอัดเรื่องเงิน หรือลดมื้ออาหารราคาแพงลง อาจจะนาน ๆ กินที 


สร้าง “พื้นที่ส่วนตัว” โดยที่ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน : ไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวหรือกินข้าวด้วยกันเสมอไป เราสามารถแบ่งพื้นที่ส่วนตัวเพื่อใช้งบของใครของมัน เพื่อที่จะได้มีพื้นที่ที่ตัวเองอยากจะทำได้อย่างสบายใจ


อย่าฝืนอะไรที่ตัวเองไม่ไหว และไม่ยัดเยียด : ฝั่งที่มีกำลังทรัพย์น้อยกว่า บางทีก็อาจจะไม่ต้องฝืนจ่ายให้ได้ใช้ใช้ชีวิตร่วมหรือเพื่อให้ดูเท่าเทียม ส่วนฝั่งที่มีกำลังทรัพย์มากกว่า ก็อย่ายัดเยียดหรือบังคับให้อีกฝั่งต้องจ่ายเกินกำลังทรัพย์ของเขาเกินที่เขาจะจ่ายไหว


3.ช่วยได้ก็ช่วย ไม่ต้อง 50/50 เสมอไป
 

ค่าใช้จ่ายบางอย่าง เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน หรือค่าใช้จ่ายจำเป็น ฝั่งที่มีกำลังทรัพย์มากกว่าสามารถช่วยออกได้แต่ไม่ใช่ว่าต้องออกทั้งหมด(แล้วแต่ความสมัครใจ) และฝั่งที่มีกำลังทรัพย์น้อยกว่า ก็ต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะไม่ออกเลย เช่น ฝั่งที่มีกำลังทรัพย์มากกว่า อาจจะช่วยออก 60% ของค่าไฟ ส่วนฝั่งที่มีกำลังทรัพย์น้อยกว่าก็ออก 40% ของค่าไฟ เป็นต้น

4.แบ่งบทบาท เพื่อความเท่าเทียม
 

ในเมื่อฝั่งที่มีกำลังทรัพย์มากกว่าสามารถช่วยออกค่าใช้จ่ายได้มากกว่า แล้วอีกฝั่งที่มีกำลังทรัพย์น้อยกว่าสามารถช่วยอะไรเพิ่มเติมได้บ้างไหม คำตอบคือได้! โดยอาจจะเป็นงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถช่วยได้ในชีวิตประจำวัน เช่น ช่วยซักผ้าให้ ดูแลสัตว์เลี้ยง หรืออาจจะช่วยค่าใช้จ่ายที่มันไม่เยอะจนเกินไป เช่น น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจาน เป็นต้น เพื่อให้สามารถเพิ่มความรู้สึกเท่าเทียมได้

5.สร้างบัญชีกองกลาง

การสร้างบัญชีกองกลาง เป็นเงินกองกลางที่ทั้งคู่ร่วมกันค่อย ๆ เติมเข้าไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ เดือน โดยอาจจะเติมเข้าไปในบัญชีในสัดส่วนที่แตกต่างกันตามรายได้หรือจะเติมเข้าไปในสัดส่วนที่เท่ากันก็ได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าจะตกลงกันอย่างไร โดยบัญชีกลางนี้อาจจะเอาไว้ใช้จ่ายเรื่องที่เกี่ยวกับทั้งคู่ เช่น ค่าห้อง ค่าน้ำค่าไฟ อาหาร เงินเก็บเตรียมไปเที่ยว เงินสำรองฉุกเฉินร่วมกัน ส่วนเงินที่เหลือก็เก็บไว้ใช้ส่วนตัวตามอัธยาศัย จะเอาไปช็อปปิ้งหรือเอาไปทำอะไรก็สามารถทำได้โดยก็ไม่ต้องมารู้สึกผิด

6.เริ่มต้นสร้างใหม่ไปด้วยกัน

ในข้อนี้จะต้องขึ้นอยู่กับพื้นฐานของความสัมพันธ์ และความตั้งใจของทั้งสองฝ่าย เป็นการวางทั้งอดีตที่ดี และไม่ดี ทิ้งไป ไม่สนใจว่าในอดีตเคยรวยหรือเคยจน แล้วมาจับมือกันสร้างอนาคตที่ดีกว่าเดิมไปพร้อมกัน เริ่มต้นในที่นี้ อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องการเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยกัน แต่หมายถึงอย่างอื่นด้วย เช่น เริ่มทำอาชีพเสริมด้วยกัน เริ่มต้นศึกษาการเงินการทุนไปด้วยกัน ย้ายออกมาอยู่ด้วยกัน หรือถ้าคนนึงล้ม อีกคนก็รอรับ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้คือ “ข้อเสนอแนะ” เพื่อให้คู่รักสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้  เพราะในท้ายที่สุดแล้ว สำหรับบางคู่ ความรักไม่ใช่แค่เรื่องของการเงิน แต่คือการกระทำ และความรู้สึกที่ดีที่มีให้กัน นอกจากนี้ เราต้องหาแนวคิดและพฤติกรรมทางการเงินที่ดีที่ตรงกันให้ได้ เพื่อให้ไปให้ถึงเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งเป้าหมายไว้ 


ที่สำคัญ เราต้องรู้จักการ Sustain life style หรือการใช้ชีวิตของตัวเราเองให้พอดี และยั่งยืน ไม่ประหยัดจนลำบาก ไม่ฟุ่มเฟือยจนเดือนชนเดือนหรือไม่มี Fund flow เลย จนทำให้ตัวของเราเอง และคนที่เรารักของเราลำบาก

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ