ลุ้น Virtual Bank 3 รายในไทย

หากไม่ผิดพลาดอะไร วันที่ 19 มิ.ย.นี้จะเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของระบบการเงินไทย เพราะในวันดังกล่าวเราจะมี “ผู้เล่นหน้าใหม่” เข้ามา หลังจากที่ไม่เคยมีธนาคารพาณิชย์ใหม่มานานหลายสิบปี และคาดหวังว่าจะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบธนาคารไทยที่แทบจะเป็นระบบ “ทำงานเกื้อกูลกัน” ให้มี “การแข่งขัน” เพิ่มขึ้นบ้าง

โดยหลังจากที่แบงก์ชาติได้คัดเลือกกลุ่มผู้สนใจที่จะดำเนินการ Virtual Bank หรือธนาคารไร้สาขา ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม จำนวน 3 ราย จาก 5 ราย ส่งมาให้กระทรวงการคลังพิจารณามาระยะหนึ่ง คาดว่ากระทรวงการคลังจะประกาศผู้ที่ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ โดยเบื้องต้นจะให้ใบอนุญาตทั้งสิ้น 3 ใบก่อน

เพื่อที่จะใช้เป็นการทดสอบระบบการเงินของไทย ทั้งการทดสอบศักยภาพในการดำเนินการของผู้ที่ได้รับใบอนุญาต ว่า เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในการบริหารงานธนาคารรูปแบบใหม่ ซึ่งทั้งให้บริการเต็มรูปแบบผ่านระบบ ผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก โดยไม่มีสาขา เครื่องถอนเงินสดอัตโนมัติ (ATM) หรือเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติ (CDM) เป็นของตนเอง จะทำได้มากน้อยมีจุดบกพร่องตรงไหนหรือไม่ สามารถให้บริการครบวงจรตามที่กำหนดไว้หรือไม่

รวมทั้ง ทดสอบระบบการเงินไทยและผู้ใช้บริการในประเทศด้วยว่า ตอบรับและเข้าใจการเงินใหม่ที่ต้องทำธุรกรรม และตัดสินใจด้วยตัวเองมากน้อยแค่ไหน ก่อนที่แบงก์ชาติจะตัดสินใจ และเสนอความเห็นให้เพิ่มใบอนุญาต หรือจะคงใบอนุญาตธนาคารไร้สาขาไว้แค่ 3 แห่งเท่านั้น

โดยการเปิดให้มี virtual bank เพิ่มเข้ามาในระบบธนาคารของไทยนั้นแบงก์ชาติหวังว่า virtual bank จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในการให้บริการลูกค้ารายย่อยที่เข้าไม่ถึงบริการของธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน (unserved) และกลุ่มที่เข้าถึงแล้ว แต่ยังได้รับบริการไม่เพียงพอหรือไม่ครบวงจร (underserved) ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการยกระดับการให้บริการกับกลุ่มลูกค้ารายย่อยและธุรกิจ SMEs ให้ดีขึ้นกว่าในปัจจุบัน

นอกจากนั้น ในช่วงที่สภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ล้น แต่สภาพคล่องของคนไทย และภาคธุรกิจไทยลดลงต่อเนื่อง virtual bank อาจจะช่วยให้คนไทยได้มีเงินทุนเพิ่มขึ้น และใช้ช่องว่างจุดนี้สร้างตัวเองให้แข็งแกร่งมากขึ้น

ทั้งนี้ มีการคาดกันว่ารายชื่อที่จะประกาศในครั้งนี้จะประกอบด้วย 3 กลุ่ม คือ 1.ธนาคารกรุงไทย ร่วมกับกลุ่มพันธมิตร Gulf, AIS และพีทีที กรุ๊ป 2.กลุ่มบริษัทเอสซีบี เอกซ์ ร่วมกับ KakaoBank และ WeBank และ 3.บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ของกลุ่มซีพี แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะต้องเข้ารับการติว และทดสอบอย่างเข้มข้น เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ของแบงก์ชาติ เพื่อเปิดดำเนินธุรกิจให้ได้ภายใน 1 ปีจากนี้ หรือประมาณเดือน มิ.ย.ปีหน้า

หลังจากนั้น เราจะได้เห็นธนาคารรูปแบบใหม่ในไทยอย่างชัดเจน ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร จะประสบความสำเร็จอย่างที่ทุกฝ่ายคาดหวังไว้ หรือจะเป็นไปตามวัฏจักรของระบบธนาคารในหลายประเทศที่ทำเรื่องนี้มาก่อน ที่มีทั้งคนทำได้สำเร็จ และคนที่ล้มเหลวจนต้องปิดกิจการ.

มิสเตอร์พี

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม