วัยรุ่นญี่ปุ่น ลงทุนมากขึ้น หลังรัฐบาล ดันโครงการ “NISA” หนุนโรงเรียน สอนวิชาการเงิน

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

วัยรุ่นญี่ปุ่น ลงทุนมากขึ้น หลังรัฐบาล ดันโครงการ “NISA” หนุนโรงเรียน สอนวิชาการเงิน

Date Time: 16 มิ.ย. 2568 12:07 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

คนรุ่นใหม่มอง “บริหารเงิน-ลงทุนได้” เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยญี่ปุ่นพยายามส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องการเงินในโรงเรียนเพื่อให้คนหนุ่มสาวหันมาลงทุนมากขึ้น และ Gen Z อยากให้มีสอนวิชาการเงิน เช่น การลงทุน ยื่นภาษี และการจัดงบประมาณ เพื่อเตรียมให้อนาคตมีความมั่นคงทางการเงิน

"เงิน" คือสิ่งที่คนรุ่นใหม่มองว่าเป็นทั้งความหวังและความกดดันในชีวิต เพราะแม้ว่าเงินเหล่านั้นจะไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนแต่ต้องดำเนินไปด้วยเงิน ไม่ว่าจะเป็นการดำรงชีวิต, ท่องเที่ยว หรือแม้แต่การศึกษา ก็ล้วนแต่ต้องการใช้มันเป็นต้นทุนชีวิตทั้งนั้น

จากผลสำรวจของ Intuit พบว่า Gen Z ต้องการความรู้เพื่อวางแผนจัดระเบียบการเงินของตัวเองให้ได้มากที่สุด โดยส่วนใหญ่จะพึ่งพาการเรียนรู้จากพ่อแม่หรือเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ให้ความรู้ผ่านโซเชียลมีเดียเพราะเข้าถึงได้ง่าย 

แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขายังคงไม่แน่ใจว่าได้รับข้อมูลและความรู้ที่ถูกต้องหรือไม่ จากการศึกษาเรื่องการเงินผ่านอินเทอร์เน็ต และ 85% ของคนรุ่นใหม่ยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่า พวกเขาอยากได้ความรู้เรื่องการเงินจาก "โรงเรียน" เพราะคาดหวังว่าหลักสูตรทางการเงินเหล่านั้นจะมีประโยชน์และน่าเชื่อถือมากกว่า

ญี่ปุ่นสอนคนรุ่นใหม่ยังไงให้ลงทุนเป็น

สื่อต่างประเทศรายงานว่า Gen Z ในประเทศญี่ปุ่น มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากรุ่นปู่-ย่าที่ชอบการออมมากกว่า คนรุ่นใหม่โดยส่วนใหญ่มีความกังวลเรื่องชีวิตในวัยเกษียณ เพราะกลัวว่าพวกเขาจะไม่มีเงินพอใช้เมื่อแก่ตัวไป และแม้ว่าการออมเฉย ๆ จะสร้างความมั่นคงและปลอดภัย แต่อาจไม่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเงินเหล่านั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะนำเงินไปลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่จะทำให้เงินงอกเงยมากขึ้น

โดยกลุ่มคนที่มีอายุราว 20 ปี ในญี่ปุ่นนิยมลงทุนในกองทุนรวม หุ้น และตราสารหนี้ เพิ่มขึ้น 36% ในปีที่แล้ว (2024) หรือเกือบสามเท่าจาก 13% ในปี 2016 รวมถึงผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป ก็มีการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 42.5% จาก 24% ตามรายงานของ The Investment Trusts Association, Japan

แต่ความสนใจในการลงทุนของคนรุ่นใหม่ในญี่ปุ่นนั้น แท้จริงแล้วมีสาเหตุมาจากนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีการหนุนหลังระบบการศึกษาให้โรงเรียนต่าง ๆ มีการให้ความรู้เรื่องการเงินแก่นักเรียน และผลักดันโครงการออมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ได้รับการยกเว้นภาษี หรือที่รู้จักกันในชื่อ NISA 

ส่งผลให้จํานวนบัญชี NISA ที่ถือโดยผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 7.4 ล้านคนในเดือนกันยายน 2024 ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้นจาก 5.8 ล้านบัญชีในปีก่อนหน้า โดยบัญชีเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้ลงทุนในหุ้น กองทุนรวม และหลักทรัพย์อื่น ๆ จึงทำให้คนรุ่นใหม่มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น

แต่การลงทุนคงจะเป็นไปไม่ได้หากขาด "ความรู้" รัฐบาลญี่ปุ่นได้แก้ไขปัญหานี้ด้วยการเปิดตัวโครงการเพื่อการศึกษาเรื่องการเงินและพยายามกระตุ้นให้นักเรียนรู้จักการลงทุนมากขึ้น และเห็นได้ชัดว่ามันได้ผลเพราะคนรุ่นใหม่ลงทุนมากขึ้นจากปีก่อน ๆ 

ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าระบบการศึกษาที่เปิดสอนให้นักเรียนสามารถเข้าถึงเรื่องเงินได้นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมันจะทำให้พวกเขากล้าที่จะลงทุนและมีความรู้เรื่องการบริหารการเงินของตัวเองมากขึ้น

5 วิชาที่ Gen Z อยากให้มีในโรงเรียน

Gen Z หลายคนเชื่อว่ายิ่งเราสามารถเข้าถึงการศึกษาเรื่องการเงินได้มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการสร้างความมั่นใจและเปิดโอกาสให้ตัวเองมากขึ้นเท่านั้น โดยพวกเขาคาดหวังว่าอยากจะได้เรียนรู้ 5 วิชานี้จากโรงเรียน ได้แก่

  • วิธีการลงทุน
  • เครดิตทำงานอย่างไร
  • วิธียื่นภาษี
  • วิธีการจัดทำงบประมาณและการประหยัด
  • วิธีหารายได้จากงานเสริม

นอกจากนี้ คนรุ่นใหม่ยังอยากเรียนรู้ 3 ทักษะที่พวกเขาเชื่อว่าจะส่งผลดีต่ออนาคตของพวกเขา อาทิ วิธีรวย (43%), วิธีประหยัดเงิน (40%) และวิธีหลีกเลี่ยงหนี้สิน (37%) เพราะอยากนำมาใช้ชีวิตประจำวันเพื่อให้การเงินของตัวเองมั่นคง

แม้ว่านักเรียนมัธยมปลายส่วนใหญ่ในอเมริกาจะอยากได้ความรู้ด้านการเงินผ่านโรงเรียน แต่ในปัจจุบัน 81% ของคนรุ่นใหม่ได้รับความรู้ทางการเงินจากพ่อแม่และคนในครอบครัว ในขณะที่ 19% ใช้โซเชียลมีเดียเป็นผู้ให้ความรู้และขอคำแนะนำด้านการเงิน เพราะหัวข้อบางอย่างที่พวกเขาอยากเรียนรู้ยังไม่ได้มีสอนในโรงเรียน


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money 

เพื่อให้คุณ “การเงินดีชีวิตดี” ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney

ที่มา : 

Bloomberg, Intuit [1] [2]


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ