จะเกิดอะไรขึ้นหากวันนี้ยังต้องใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน? ถึงเวลาเปลี่ยนความเสี่ยงให้เป็นความมั่นคง ด้วย 3 เสาหลักที่ทุกคนต้องรู้ผ่าน Workshop จากทางสมาคมนักวางแผนการเงินไทย เจาะลึก “การวางแผนการลงทุน” เพื่อสร้างการเติบโต “การวางแผนภาษี” เพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋า และ “การวางแผนเกษียณ” เพื่อบั้นปลายที่สมศักดิ์ศรี เพื่อชีวิตที่ออกแบบเองได้
ในยุคปัจจุบันที่สภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยมีความผันผวนและส่งสัญญาณชะลอตัวอย่างชัดเจน การมี “แผนการเงิน” ที่ดีเปรียบเสมือนการมีแผนที่นำทางที่แข็งแกร่ง ช่วยให้เราพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด และมุ่งสู่เป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้ได้อย่างมั่นคง “การวางแผนการลงทุน” คือหนึ่งในกระบวนการที่สำคัญที่สุดของการวางแผนการเงินโดยรวม
สมาคมนักวางแผนการเงินไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุนที่ถูกต้อง จึงขอนำเสนอหลักการและขั้นตอนสำคัญเพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นวางแผนการลงทุนอย่างเป็นระบบ
ปลิดา ปภาธนารัชต์ นักวางแผนการเงิน กล่าวว่า หลายคนอาจคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์การลงทุนหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก, หุ้น, กองทุนรวม, ตราสารหนี้, พันธบัตรรัฐบาล หรือแม้แต่สลากออมสิน ซึ่งล้วนเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สามารถใช้สร้างความมั่งคั่งได้ แต่หัวใจสำคัญของการลงทุนที่ยั่งยืนไม่ใช่การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่ง แต่คือ “การจัดพอร์ตการลงทุน” (Portfolio Management) ให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้
“ความเสี่ยง” ในโลกการลงทุนคือความไม่แน่นอน หรือโอกาสที่เราจะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ ซึ่งสินทรัพย์แต่ละประเภทก็มีระดับความเสี่ยงและโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างกัน
การประเมินความเสี่ยงของตนเองก่อนลงทุนจะช่วยให้เราสามารถจัดสรรเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสม เมื่อพอร์ตการลงทุนสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เราจะเกิด "ความสบายใจ" ในการลงทุน สามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้โดยไม่ตื่นตระหนก และไม่ตัดสินใจขายสินทรัพย์ลงทุนไปก่อนเวลาอันควร ซึ่งจะช่วยให้แผนการเงินระยะยาวของเราไม่สะดุด
กระบวนการจัดพอร์ตการลงทุนสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ผ่าน 4 ขั้นตอนสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดเป้าหมายการเงินที่ชัดเจน ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด คือการตอบตัวเองให้ได้ว่า “เราลงทุนไปเพื่ออะไร” เป้าหมายไม่จำเป็นต้องใหญ่เสมอไป แต่ต้องชัดเจนและวัดผลได้ โดยกำหนด 3 องค์ประกอบหลัก
2. ประเมินระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ทำความเข้าใจและประเมินระดับความเสี่ยงของตนเองว่าอยู่ในระดับใด (ต่ำ, ปานกลาง, หรือสูง) ปัจจุบันมีเครื่องมือประเมินความเสี่ยงออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ เช่น แบบประเมินของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่สามารถช่วยให้ท่านรู้จักตนเองได้ดียิ่งขึ้น
3. จัดสรรสัดส่วนการลงทุน เมื่อทราบเป้าหมายและระดับความเสี่ยงแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ตามระดับความเสี่ยงนั้นๆ
4. คำนวณเงินลงทุนและลงมือทำ ใช้เครื่องมือคำนวณทางการเงิน (Financial Calculator) ซึ่งมีให้บริการบนเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อคำนวณว่า “จากเป้าหมายที่ตั้งไว้และผลตอบแทนคาดหวังของพอร์ต เราต้องออมเงินเพื่อลงทุนเป็นจำนวนเท่าไรต่อเดือน” เมื่อได้ตัวเลขที่ชัดเจนแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือปฏิบัติตามแผนอย่างมีวินัย
การมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนเป็นเพียงจุดเริ่มต้น สิ่งที่นักลงทุนทุกคนต้องทำต่อไปคือ การศึกษาหาความรู้ในสินทรัพย์แต่ละประเภทที่จะลงทุนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพราะในแต่ละประเภทสินทรัพย์ยังคงมีความหลากหลายซ่อนอยู่ ยกตัวอย่างเช่น
นอกจากนี้ ยังมีสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ เช่น ทองคำ หรือคริปโทเคอร์เรนซี สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงมากเป็นพิเศษ
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการปลูกฝังความรู้ด้านการวางแผนการลงทุนตั้งแต่วัยเริ่มต้นทำงานหรือแม้กระทั่งในวัยศึกษา จะเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงิน ทำให้สามารถต่อยอดและจัดการรายได้ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดคือ "อิสรภาพทางการเงิน" ในอนาคตได้อย่างแท้จริง
ในยุคที่คนวัยทำงานมีแหล่งรายได้หลากหลายช่องทาง ตั้งแต่พนักงานประจำไปจนถึงเจ้าของธุรกิจออนไลน์ การบริหารจัดการเงินจึงมีความซับซ้อนมากขึ้น และหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามไปคือ “การวางแผนภาษี” ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงภาระหน้าที่ที่ต้องทำ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
ซึ่งใน Workshop การวางแผนภาษี โดยสมาคมนักวางแผนการเงินไทย มานพ รัตนะ นักวางแผนการเงิน ได้เผยให้เห็นถึงหัวใจสำคัญของการวางแผนภาษีที่ทุกคนสามารถทำได้ และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ขั้นตอนที่ 1: รู้จักและจัดประเภท "เงินได้" ของตัวเอง
จุดเริ่มต้นของการวางแผนภาษีที่มีประสิทธิภาพ คือการทำความเข้าใจว่า "เงินได้" ของเรามาจากแหล่งใดบ้าง ตามกฎหมายประมวลรัษฎากรได้แบ่งประเภทเงินได้ออกเป็น 8 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีวิธีการหักค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน
"ในเวิร์กชอปที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมมีอาชีพหลากหลาย ตั้งแต่พนักงานกินเงินเดือนไปจนถึงพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หลายคนอาจมีเงินได้มากกว่าหนึ่งประเภท การแยกแยะประเภทเงินได้ให้ชัดเจนจะทำให้เราเห็นภาพรวมและจุดเด่นของรายได้แต่ละส่วน"
มานพ เน้นย้ำว่า ความเข้าใจในส่วนนี้อาจนำไปสู่การ "ปรับเปลี่ยนประเภทเงินได้" อย่างถูกกฎหมาย เพื่อให้สามารถหักค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยลดฐานภาษีลงได้
ขั้นตอนที่ 2: ใช้ "ค่าลดหย่อน" ให้เต็มสิทธิ
นอกจากการหักค่าใช้จ่ายแล้ว "ค่าลดหย่อน" คืออีกหนึ่งเครื่องมือทรงพลังที่กฎหมายมอบให้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระภาษี ซึ่งรายการค่าลดหย่อนมีการเปลี่ยนแปลงและอัปเดตอยู่เสมอ การติดตามข้อมูลจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งในเวิร์กชอปได้มีการยกตัวอย่างการวางแผนเพิ่มค่าลดหย่อนอย่างเป็นระบบ นั่นคือ
"เมื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆจะพบว่า แม้รายได้เท่าเดิม แต่เมื่อมีการวางแผนเพิ่มค่าลดหย่อน เงินได้สุทธิที่จะนำไปคำนวณภาษีจะลดลง ทำให้เสียภาษีน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด"
สำหรับผู้ที่มีรายได้จากต่างประเทศ การวางแผนภาษียิ่งมีความสำคัญมากขึ้นไปอีก นักวางแผนการเงินได้ยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่น่าสนใจว่า "มีเคสที่ต้องนำเงินเข้ามาเป็นล้านบาท แต่เมื่อเราใช้หลักการเรื่อง หลักแหล่งเงินได้ (Source Rule) เข้ามาวางแผนอย่างถูกต้อง ก็ทำให้เขาไม่ต้องเสียภาษีจากเงินก้อนนั้นเลยแม้แต่บาทเดียว" นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าความรู้ความเข้าใจในหลักเกณฑ์ภาษีสามารถช่วยประหยัดเงินได้อย่างมหาศาล
มานพ ให้ความเห็นว่า ปัจจุบันไม่ว่าเราจะทำอะไรก็มีเรื่องภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ แม้กระทั่งการซื้อของก็มีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) รวมอยู่ด้วย หากเราไม่วางแผนภาษีควบคู่ไปกับการวางแผนการเงิน ก็เท่ากับว่าเรากำลังปล่อยให้เงินรั่วไหลออกไปโดยไม่จำเป็น
ทั้งนี้เงินที่ประหยัดได้จากการวางแผนภาษีอย่างถูกต้อง คือเงินที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อเป้าหมายในชีวิตด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการออมเพื่อการเกษียณ การลงทุนเพื่อความเติบโต หรือการใช้จ่ายเพื่อความสุขของตนเองและครอบครัว
วางแผนภาษีต้องทำคู่กับการวางแผนการเงินเสมอ
เพราะท้ายที่สุดแล้วหัวใจสำคัญที่สุดคือ การวางแผนภาษีไม่ใช่การมองแค่ตัวเลขภาษีที่ลดลงเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เราเลือกใช้เพื่อลดหย่อนภาษีนั้น "สอดคล้องกับเป้าหมายการเงินระยะยาว" ของเราหรือไม่ การซื้อประกันหรือกองทุนที่ไม่ตอบโจทย์ชีวิตเพียงเพื่อลดภาษี อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอไป
ดังนั้น การวางแผนภาษีจึงเป็นส่วนหนึ่งที่แยกไม่ออกจากการวางแผนการเงินองค์รวม เป็นการจัดการความมั่งคั่งอย่างมีกลยุทธ์ เพื่อให้เราบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
หากวันนี้ยังใช้จ่ายเดือนชนเดือนและไม่ได้วางแผนการเงิน แล้วอีก 240 เดือนในบั้นปลายชีวิตจะทำอย่างไร? กลายเป็นคำถามที่ชวนให้ฉุกคิด ถึง “อนาคต” ที่ยังมาไม่ถึง
เพราะในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน การหาเงินเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอาจทำให้หลายคนหลงลืมเป้าหมายระยะยาวที่สำคัญที่สุดอย่าง "การวางแผนเกษียณ" เรามักคิดว่ายังมีเวลาเหลือเฟือ แต่ความจริงแล้ว "เวลา" คือหัวใจสำคัญที่สุดที่จะกำหนดคุณภาพชีวิตในบั้นปลายของเรา
ดังนั้นใน Workshop การวางแผนเกษียณ โดยสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ณัฐศรันย์ ธนกฤตภิรมย์ นักวางแผนการเงิน ได้อธิบายถึงประเด็นที่ว่า ทำไมต้องวางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ นั่นก็เพราะ เวลาผ่านไปเร็วมากกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ใกล้เกษียณแล้ว และถึงเวลานั้นจะเริ่มต้นออมก็ยากลำบาก อีกทั้งเราจะแน่ใจได้แค่ไหนว่าลูกหลานจะเลี้ยงดู เพราะฉะนั้นอย่าตั้งความหวัง เมื่อถึงวันนั้นจะได้ไม่ผิดหวัง และสุดท้ายนั่นคือ คนไทยสามารถมีอายุหลังเกษียณยืนยาวต่อไปได้อีก 20-30 ปี แล้วเราจะจัดการกับช่วงวัยที่รายได้หดหายแต่รายจ่ายไม่เคยหายไปไหน
“เพราะหัวใจของการวางแผนเกษียณก็คือ เมื่อเราหยุดทำงาน สิ่งเดียวที่ไม่หยุดตามเราคือค่าใช้จ่าย แต่รายได้มันหายไป”
ณัฐศรันย์ ขยายความต่อว่า นี่คือความจริงที่หลายคนอาจมองข้าม คำว่า “เกษียณ” ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อายุ 60 ปี แต่อาจหมายถึงวันที่เราไม่สามารถหรือไม่อยากทำงานประจำอีกต่อไป การเริ่มต้นวางแผนตั้งแต่อายุยังน้อยจึงเป็นข้อได้เปรียบอย่างมหาศาล เพราะเราสามารถใช้พลังของ "เวลา" และ "จำนวนเงินที่ไม่มาก" ในการสร้างความมั่งคั่งได้ ต่างจากการเริ่มต้นเมื่ออายุมาก ที่ทางเลือกจะเหลือน้อยลง การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงทำได้ยากขึ้น และการหางานใหม่แทบจะเป็นไปไม่ได้
โดยหลักการแล้ว การคำนวณเงินที่ต้องใช้หลังเกษียณมี 2 แนวทางหลัก ดังนี้
1.การหารายได้ทดแทน : คือการตั้งเป้าหมายให้มีรายได้หลังเกษียณใกล้เคียงกับรายได้ก่อนเกษียณมากที่สุด ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้ยากสำหรับคนส่วนใหญ่ ยกเว้นข้าราชการที่มีเงินบำนาญ หรือเจ้าของธุรกิจที่กิจการยังดำเนินต่อไปได้
2.การยึดค่าใช้จ่ายเป็นที่ตั้งเป็นวิธีที่ทำได้จริงและเหมาะสมกับคนส่วนใหญ่ที่สุด คือการคำนวณว่าในแต่ละเดือนหลังเกษียณ เราคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ แล้วเตรียมเงินให้เพียงพอสำหรับช่วงเวลา 20-30 ปีหลังเกษียณ
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญที่สุดของวิธีนี้คือ “เงินเฟ้อ” ที่ทำให้มูลค่าของเงินลดลงทุกปี ของที่ราคา 100 บาทในวันนี้ อาจมีราคาสูงขึ้นเป็น 150 หรือ 200 บาทในอีก 20 ปีข้างหน้า ดังนั้น การวางแผนจึงต้องคำนวณเผื่ออัตราเงินเฟ้อเข้าไปด้วยเสมอ
การจะไปให้ถึงเป้าหมายเงินล้านสำหรับวัยเกษียณนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากเรารู้จักใช้เครื่องมือทางการเงินอย่างชาญฉลาด
1.การลงทุน (Investment):หัวใจสำคัญคือ "การรู้จักลงทุนให้เป็น" คนที่เริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อยสามารถจัดสรรเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงได้มากกว่า เพราะมีเวลาในการรับความผันผวนของตลาดได้นานกว่า
2.การวางแผนภาษี (Tax Planning): ไม่ใช่การเลี่ยงภาษี แต่คือการ "ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอย่างเต็มที่" ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้มีเงินเหลือไปลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น การลงทุนใน:
3.การจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation): แบ่งเงินให้เหมาะสม ทั้งส่วนของเงินสดสำรองเผื่อฉุกเฉิน และส่วนของการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
ในอดีต สังคมไทยคุ้นเคยกับการที่ลูกหลานจะคอยเลี้ยงดูพ่อแม่ในวัยชรา แต่ ณัฐศรันย์ย้ำว่า “อย่าเพิ่งไปคาดหวังแบบนั้น เพราะแค่ลูกเราจะเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน...ก็เหนื่อยมากพอแล้ว”
ดังนั้นทัศนคติที่สำคัญที่สุดในยุคนี้คือ การพึ่งพาและดูแลตัวเองให้ได้ การวางแผนเกษียณคือการสร้างหลักประกันให้ตัวเอง เพื่อที่เราจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและสมศักดิ์ศรี ไม่ต้องลดมาตรฐานการใช้ชีวิตลงเมื่อแก่ตัวไป
ณัฐศรันย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เกษียณอย่างมีคุณภาพ หมายความว่า เราสามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ ทั้งก่อนเกษียณและหลังเกษียณ ไม่จำเป็นต้องมีเงินเยอะ...แต่เราแค่ดำรงชีวิตของเราได้ต่อเนื่องแบบปกติที่เราเคยเป็น
ดังนั้นเคล็ดลับที่สำคัญที่สุดในการวางแผนการเงินให้สำเร็จคือ "เลิกเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่น" เส้นทางและเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การมุ่งมั่นทำตามแผนของตัวเองอย่างมีวินัย คือกุญแจที่จะนำไปสู่บั้นปลายชีวิตที่มีความสุขและมั่นคงอย่างแท้จริง เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีของคุณเอง
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney