หยุดติดหรู ก่อนติดหนี้ ต้องใช้เงินน้อยลงและออมให้มากขึ้น เปิดสูตรการออมฉบับง่าย มือใหม่ก็ทำได้

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หยุดติดหรู ก่อนติดหนี้ ต้องใช้เงินน้อยลงและออมให้มากขึ้น เปิดสูตรการออมฉบับง่าย มือใหม่ก็ทำได้

Date Time: 11 มิ.ย. 2568 14:04 น.

Video

อยากหาเงินเยอะ! ต้องไม่รับบทผู้บริโภค เราต้องเป็น Creator “ทอย DataRockie” l Money Secret EP.9

Summary

1 ใน 3 ของคนไทยมีพฤติกรรมการบริโภคแบบ “ติดหรู” โดย 50% ของผู้มีรสนิยมติดหรูนั้นมีเงินเก็บน้อยกว่า 6 เดือนและอาจเสี่ยงเป็นหนี้ง่ายเพราะใช้เงินเกินตัว สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยบางส่วนยังขาดการวางแผนทางการเงินที่ดี ซึ่งอาจส่งผลเสียทางการเงินในอนาคตได้

จากรายงานภาวะสังคมไตรมาส 1/2568 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่า 1 ใน 3 ของคนไทยมีพฤติกรรรมการบริโภคแบบ “กินหรู อยู่แพง” โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการอยากถูกยอมรับจากสังคมและอวดฐานะทางการเงินที่มั่งคั่งผ่านโซเชียลมีเดีย แม้ว่าชีวิตจริงจะมีหนี้ติดตัวเพราะใช้จ่ายมากเกินไป

งานวิจัยของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุความนิยมในการซื้อสินค้าราคาแพงของเพศหญิงและชายว่า “ผู้ชายติดหรูมากกว่าผู้หญิง” โดยเน้นไปที่การใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์เทคโนโลยี มากกว่าผู้หญิงที่ซื้ออาหารและเครื่องดื่มเป็นอันดับหนึ่ง

50 % ของผู้มีรสนิยมติดหรูนั้นมีเงินเก็บน้อยกว่า 6 เดือนและอาจเสี่ยงเป็นหนี้ง่ายเพราะใช้เงินจำนวนมากไปกับสิ่งของราคาแพงก่อนที่จะเหลือให้เก็บออมเผื่อกรณีฉุกเฉิน สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยบางส่วนยังขาดความรู้และขาดการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมอยู่ ซึ่งอาจส่งผลเสียทางการเงินในอนาคตได้ โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวนแบบนี้

เปลี่ยนนิสัยเสพติดความหรู ให้กลายเป็นเสพติดการออม

ในยุคที่เทคโนโลยีและโซเชียลมีอิทธิพลต่อความคิด หลายคนรู้สึกกดดันจากการเปรียบเทียบการเงินของตัวเองกับความมั่งคั่งของคนอื่นทำให้รู้สึกว่าเราก็ต้องมีให้ได้เท่าเขา จนเผลอใช้จ่ายเกินไปและในที่สุดก็กลายเป็นหนี้ ดังนั้นจุดเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนนิสัยติดหรูได้นั้น คือต้องโยนคติประจำใจที่ว่า “ของมันต้องมี” ทิ้งไปก่อน

อ้างอิงจากบทความของสมาคมนักวางแผนการเงินไทยที่ระบุว่า ควรเริ่มต้นจัดระเบียบการเงินด้วยการใช้สูตร 50 – 30 – 20 ที่เป็นการจัดสรรเงินในแต่ละเดือน ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ได้กับทุกคน ไม่สำคัญว่าจะมีรายได้เท่าไหร่ เช่น เรามีรายได้สุทธิอยู่ที่ 30,000 บาท/เดือน ให้แบ่งเงินก้อนนั้นออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้

50% คือ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น = 15,000 บาท

เงินก้อนนี้จะนำมาใช้จ่ายสำหรับสิ่งที่ “จำเป็น” ต่อการดำรงชีวิตหรือเป็นค่าใช้จ่ายประจำในแต่ละเดือน เช่น ค่ากิน ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่าดูแลสุขภาพ จ่ายหนี้บัตรเครดิต รวมถึงโอนเงินให้พ่อแม่ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจต้องแน่ใจว่าจ่ายเพื่อความจำเป็นจริง ๆ

30% คือ ค่าใช้จ่ายตามความต้องการ = 9,000 บาท

เงินก้อนนี้ถูกแบ่งออกสำหรับการซื้อความสุขส่วนตัวหรือใช้จ่ายในสิ่งที่อยากได้ เช่น กินข้าวนอกบ้าน ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว สมาชิกบริการสตรีมมิ่ง สื่อบันเทิงหรืออะไรก็ตามที่จะทำให้การออมเงินของเราไม่เครียดมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เงินก้อนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสร้างความสุขแต่ควรตัดสินใจให้รอบคอบว่าควรจ่ายจริง ๆ หรือไม่ เช่น เดือนที่ผ่านมาซื้อชุดกีฬา 1 ชุด รองเท้ากีฬา 1 คู่ ดังนั้น เดือนนี้ก็ไม่ควรซื้ออีก หรืออาจพบปะเพื่อนฝูงนัดกินข้าวนอกบ้านเดือนเว้นเดือนก็ได้ ซึ่งเงื่อนไขสำคัญของเงินก้อนนี้ คือ ใช้จ่ายในงบประมาณ และเดือนไหนเหลือก็นำไปเก็บออม แต่ก็ต้องใช้เงินอย่างระวังเพราะหากใช้มากเกินไปอาจสร้างหนี้ให้ตัวเองได้

20% คือ เก็บออมและลงทุน = 6,000 บาท

เงินก้อนนี้ คือ เงินเก็บออมและลงทุน โดยให้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนตามความเหมาะสมที่เราวางแผนไว้ เช่น

  • เงินสำรองฉุกเฉิน
  • เงินออมเพื่อเป้าหมาย เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ จ่ายค่าเทอมลูก
  • เงินลงทุน เพื่ออนาคตหลังเกษียณ

ทั้งนี้ แม้ว่าการใช้สูตรการใช้เงิน 50 - 30 – 20 จะช่วยให้มีความรับผิดชอบต่อการใช้จ่ายของตัวเอง เพราะจะรู้ว่าเงินที่จ่ายออกไปเพราะ “ความจำเป็น” หรือ “ความต้องการ” ซึ่งจะทำให้มีมุมมองการใช้จ่ายเงินที่กว้างมากขึ้น และจะช่วยให้ลดนิสัย “ติดหรู” ที่คนไทยส่วนใหญ่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันได้ แต่ในขณะเดียวกัน สูตรการจัดระเบียบการเงินนี้อาจใช้ไม่ได้กับบางคน ดังนั้นการหาสูตรการเงินที่เหมาะสมกับตัวเองจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเช่นกัน

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money 

เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney

ที่มา : สภาพัฒน์ , สมาคมนักวางแผนการเงินไทย


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ