
“กองทุนรวม” ถือเป็นเครื่องมือยอดนิยม สำหรับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง และอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุน แต่เมื่อพิจารณากองทุนรวม นักลงทุนมักพบกับทางเลือกระหว่าง "กองทุนปันผล" และ "กองทุนสะสมมูลค่า" ซึ่งทั้งสองประเภทนี้ มีลักษณะและผลตอบแทนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกกองทุนให้สอดคล้องกับแผนการเงินของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ Thairath Money ชวนมาทำความเข้าใจลักษณะของกองทุนแต่ละประเภท ดังนี้
การเลือกระหว่าง “กองทุนปันผล” หรือ “กองทุนสะสมมูลค่า” นั้น ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความต้องการของนักลงทุนแต่ละราย ดังนั้น การทำความเข้าใจลักษณะของกองทุนแต่ละประเภท จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจเลือกเครื่องมือการลงทุน ที่สอดคล้องกับการวางแผนการเงินและการลงทุนของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กองทุนปันผล คืออะไร ?
กองทุนปันผล คือ กองทุนรวมที่มีนโยบายจ่ายผลตอบแทนส่วนหนึ่งจากการดำเนินงานของกองทุน ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นระยะๆ เช่น ทุกไตรมาส ทุกครึ่งปี หรือทุกปี ซึ่งเงินปันผลเหล่านี้ มาจากกำไรที่กองทุนได้รับจากการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ เช่น เงินปันผลจากหุ้นที่กองทุนถือครอง หรือดอกเบี้ยจากตราสารหนี้ เป็นต้น
สำหรับกองทุนที่มีปันผล เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอ หรือต้องการรายรับเป็นประจำ เพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เป็นการสร้าง Passive Income และเป็นการทยอยรับรู้ผลกำไรจากการลงทุนออกมาโดยไม่ต้องขายหน่วยลงทุน
อย่างไรก็ตาม เงินปันผลที่ได้รับจากกองทุนรวม (ยกเว้นกองทุนบางประเภท) จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนโดยรวมลดลง และมีการเติบโตของ NAV ช้ากว่า เนื่องจากกำไรส่วนหนึ่งถูกจ่ายออกมาเป็นเงินปันผล ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) อาจเติบโตช้ากว่ากองทุนสะสมมูลค่าที่นำกำไรไปลงทุนต่อ
กองทุนสะสมมูลค่า คืออะไร ?
กองทุนสะสมมูลค่า คือ กองทุนรวมที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล แต่จะนำผลกำไรที่กองทุนทำได้ไปลงทุนต่อ เพื่อให้เงินลงทุนเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับ จะมาจากส่วนต่างราคาหน่วยลงทุน เมื่อทำการขายคืนหน่วยลงทุน
ทั้งนี้ การนำกำไรไปลงทุนต่อ ช่วยให้เงินลงทุนเติบโตแบบ “ดอกเบี้ยทบต้น” ได้อย่างเต็มศักยภาพ เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวที่ต้องการสร้างความมั่งคั่ง และมีการเติบโตของ NAV สูงกว่าในระยะยาวในสภาวะตลาดเดียวกัน
ขณะเดียวกัน สำหรับนักลงทุนบุคคลธรรมดาในประเทศไทย โดยทั่วไปจะได้รับการยกเว้นภาษีจากกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน ทำให้ได้รับผลตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วย
แต่ข้อเสียคือจะไม่ได้รับกระแสเงินสดระหว่างทาง หากต้องการเงินสด นักลงทุนจำเป็นต้องขายคืนหน่วยลงทุนบางส่วนหรือทั้งหมด ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการมี Passive Income นอกจากนี้ มูลค่าหน่วยลงทุนจะผันผวนไปตามสภาวะตลาด การขายคืนหน่วยลงทุนในช่วงที่ตลาดปรับตัวลงอาจทำให้ขาดทุนได้
แม้ว่าโดยทั่วไป กองทุนสะสมมูลค่าจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนรวมที่สูงกว่าในระยะยาว เนื่องจากการนำกำไรไปลงทุนต่อ แต่การเลือกกองทุนปันผลที่บริหารจัดการได้ดี และลงทุนในสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มในการเติบโต ก็มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจไม่แพ้กัน แถมยังได้รับกระแสเงินสดในรูปของเงินปันผลระหว่างทางอีกด้วย
ทั้งนี้ การพิจารณาเลือกกองทุนควรดูที่นโยบายการลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นสำคัญ ซึ่งกองทุนที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น 10 อันดับแรก นับตั้งแต่ต้นปี 2568 มีดังนี้
10 อันดับกองทุนให้ผลตอบแทนสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี (ข้อมูลจาก www.morningstarthailand.com ณ วันที่ 26 พ.ค. 68)
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องตระหนักคือผลการดำเนินงานในอดีต ไม่ได้การันตีถึงผลงานในอนาคต นักลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้