
หลังจากที่โลกเผชิญกับข่าวอย่าง “จำนวนประชากรเกิดใหม่น้อยลง” มาเป็นเวลาหลายปี ล่าสุดประเด็นนี้เริ่มมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น เมื่อศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า อัตราการเกิดของเด็กในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1% ในปี 2024 นับเป็นสัญญาณบวกแรกในรอบหลายปี
การเพิ่มขึ้นครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก “คุณแม่วัย 40 ต้น ๆ” ที่ตัดสินใจมีลูกมากขึ้นถึง 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะเดียวกันคุณแม่ในวัย 30 และปลาย 20 ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
ในรายงานของ CDC ระบุว่า ตัวเลขนี้ยังสอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นมาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา กล่าวคือ ผู้หญิงในวัย 20 ปลาย ๆ ถึง 40 ต้น ๆ มีลูกเพิ่มขึ้น ขณะที่วัยรุ่นและวัย 20 ต้น ๆ เลือกมีลูกน้อยลง โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ผู้หญิงเลือกมีลูกในช่วงเวลาที่พร้อมมากขึ้น
แม้คนยุคมิลเลนเนียล หรือ Gen Y จะมีลูกน้อยกว่าคนรุ่นก่อน แต่ก็ยังเลือกมีลูกมากกว่ากลุ่ม Gen Z โดยในปี 2024 กลุ่มที่มีลูกมากที่สุดคือผู้หญิงวัย 30-34 ปี ตามด้วยกลุ่มอายุปลาย 20 ปี ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มต้น ๆ ของ Gen Z
Emily Oster ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบราวน์ และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ ParentData.org ให้ความเห็นว่า ตัวเลขจาก CDC บ่งชี้ถึง 2 แนวโน้มใหญ่ในสังคมปัจจุบัน
นอกจากนี้ ข้อมูลยังเผยว่า การคลอดในวัยรุ่นลดลง 3% จากปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงการเข้าถึงการคุมกำเนิดที่ดีขึ้น รวมถึงตัวเลือกอย่างการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ที่ให้โอกาสกับผู้หญิงสูงวัยมากขึ้น
Sarah Hayford ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยา จากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ กล่าวเสริมว่า “คนรุ่นใหม่ใช้เวลานานกว่าจะรู้สึกพร้อมที่จะมีลูก โดยเฉพาะด้านการเงิน”
“ผู้คนใช้เวลานานขึ้นกว่าจะรู้สึกว่า ‘ถึงเวลา’ ที่จะมีลูก” เธอกล่าว พร้อมระบุว่า คนรุ่นใหม่บางส่วนเลือกเรียนต่อจนจบระดับสูง เพื่อตามหางานที่มั่นคง และเก็บเงินซื้อบ้านในฝันก่อนจะเริ่มต้นครอบครัว
“เรากำลังเห็นพฤติกรรมที่เลื่อนการมีลูกออกไปในช่วงต้น แล้วจึงมาชดเชยในช่วงหลัง” Hayford กล่าวสรุป
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขในปี 2024 จะดูดีขึ้นเล็กน้อย แต่ฝ่ายบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังต้องการผลักดันให้คนอเมริกันมีลูกมากขึ้น โดยกำลังพิจารณานโยบายหลากหลาย ตั้งแต่ “คลาสเรียนรู้รอบเดือน” ไปจนถึงการแจกเงินสด 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อครอบครัวที่มีลูก
แต่ปัญหาคือ แม้ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยจะบอกว่าอยากมีลูกมากกว่านี้ แต่จะทำอย่างไรให้พวกเขาตัดสินใจมีลูกจริง ๆ คือความท้าทายที่ยากกว่ามาก
Hayford เปรียบเทียบว่า หลายประเทศร่ำรวย เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ก็เคยพยายามกระตุ้นอัตราการเกิดมาแล้ว ทั้งการให้โบนัสคนกลับใจหลังทำหมัน หรือแม้แต่การให้พ่อหยุดงานได้สี่วันต่อสัปดาห์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก
“เงินสนับสนุนสามารถช่วยได้บ้าง แต่ต้องมากจริง ๆ” เธอย้ำ พร้อมเสริมว่า ข้อเสนอของทรัมป์ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของการคลอดลูกในสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 13,000 ดอลลาร์สหรัฐก่อนหักประกันเสียด้วยซ้ำ
ที่มา: Business Insider
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney