
เคยสงสัยไหม ? ทำไมคนไทย ถึงมีความผูกพันกับ “ทองคำ” มากกว่าคนชาติอื่นๆ คำตอบ เพราะ นี่คือ 1 ในรากทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าทางจิตใจลึกซึ้งของคนไทย มาอย่างยาวนาน มากกว่า “เงินตรา” เสียอีก
เราอาจเคยได้ยินเรื่องเล่าชวนซาบซึ้ง อย่างแม่เคยเก็บทองไว้ 10 บาท ไว้ส่งลูกเรียนจนจบมหาวิทยาลัย ,ทองเส้นสุดท้ายของคุณยาย เรื่องจริงของคนที่ขายสร้อยเก่าเก็บ เพื่อรักษาชีวิตหลาน
หรือ จะเป็น สตอรี่ บางครอบครัว ไม่มีเงินฝากเลย แต่กลับมีสร้อย แหวน ทองคำแท่งเก็บ ไว้ซ่อนไว้ในบ้าน ไหนจะเรื่องที่คนไทยนิยมให้ “ทอง” เป็นของขวัญในงานแต่ง งานบวช วันเกิด ฯลฯ
จนดูเหมือน คนรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย “มองเห็น” ทอง แล้วรู้สึกอุ่นใจมากกว่าเห็นตัวเลขในบัญชี หลักแสน หลักล้าน
ขณะในภาวะวิกฤติ “ทองคำ” ยังเป็นสิ่งแรกๆ ที่คนคิดถึง ยกตัวอย่าง ช่วงโควิด คนแห่ขายทองเพื่อเอาเงินไปใช้จ่ายจำเป็น
ปัจจุบัน เราก็ยังเห็นคนแห่ซื้อทองเพิ่ม แม้ราคาจะสูงทะลุ 50,000 บาท ไปแล้ว เพราะ กลัวเงินเฟ้อ และรู้สึกว่า “ทอง” คือที่พึ่งสุดท้าย ไม่มีเงิน ไม่น่ากลัวเท่า ไม่มีทอง จนกลายเป็นสิ่งที่สะท้อนได้ว่า ทอง เป็นทั้ง “ภูมิคุ้มกัน” และ “คลังสำรองทางจิตใจ” ของคนไทยไม่เสื่อมคลาย ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน
ส่วนในแง่การลงทุน ภายใต้ขอถกเถียงสำคัญ จากราคาทองคำ ที่ผันผวนอย่างหนักในช่วงนี้ ว่า “ทองคำ” จะยังอยู่ในสถานะสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำได้อยู่หรือไม่
แต่สถานะที่ปฎิเสธไม่ได้ คือ “ทองคำ” ยังคงมีคุณสมบัติ เป็นสินทรัพย์ ที่มีความมั่นคง และเติบโตสูงในระยะยาว เป็นหนึ่งในเคล็ดลับ การวางแผนการเงินอย่างรอบคอบของคนที่ต้องการรักษาและเพิ่มพูนมูลค่าทรัพย์สินของตนเอง
อย่างไรก็ดี คำถามที่หลายคนคิดในใจ เวลา “ราคาทอง” พุ่ง หรือกำลังจะเก็บเงินก้อนแรกในชีวิต โดยเฉพาะในบริบทไทยที่ทองไม่ใช่แค่เครื่องประดับ แต่เป็นเหมือน “ที่เก็บเงินแบบจับต้องได้” ด้วยนั่น อะไรเป็นทางเลือกที่ดีกว่ากัน
ข้อมูลจาก “เคทีซี” เทียบให้เห็นภาพมากขึ้น ว่า การออมเงินผ่านการฝากธนาคาร หรือการลงทุนในกองทุนรวม ก็ถือเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงต่ำและสามารถเข้าถึงได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนที่ได้รับอาจไม่สูงนักเมื่อเทียบกับการลงทุนในทองคำ ซึ่งแม้จะมีความผันผวนในระยะสั้น แต่ในระยะยาวทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมูลค่าอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในการซื้อทองคำ สิ่งที่ควรให้ความสำคัญนอกเหนือจากราคาทองคำในแต่ละวัน คือ “ค่ากำเหน็จ” ซึ่งเป็นค่าบริการในการผลิตทองรูปพรรณ เช่น แหวน กำไล หรือสร้อยคอ โดยปกติค่ากำเหน็จจะเริ่มตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลายพันบาท ขึ้นอยู่กับขนาด ลวดลาย และความประณีตของชิ้นงาน
หากซื้อทองคำในรูปแบบการลงทุน เช่น ทองคำแท่ง ค่ากำเหน็จจะน้อยกว่าทองรูปพรรณหรืออาจไม่มีเลย (ทองคำแท่งไม่มีค่ากำเหน็จ แต่จะมีค่าบล็อค) ดังนั้นผู้ซื้อควรพิจารณาวัตถุประสงค์ของการซื้อทองให้ชัดเจน หากซื้อเพื่อเก็งกำไรหรือเก็บไว้เป็นทุนในอนาคต ทองคำแท่งอาจตอบโจทย์ได้มากกว่า
ในขณะที่ทองรูปพรรณเหมาะกับการซื้อไว้สวมใส่หรือมอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ และเมื่อต้องการขายจะถูกหักค่าธรรมเนียม ค่ากำเหน็จ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไม่เกิน 5%* ของราคาซื้อคืนที่กำหนดไว้ตามหลักเกณฑ์ของสมาคมค้าทอง (สคบ.) *หลักเกณฑ์ดังกล่าวใช้เฉพาะกรณีซื้อ-ขายร้านเดิมเท่านั้น
สรุป มุมที่ "ซื้อทอง" อาจดีกว่าเก็บเงินไว้เฉย ๆ
1. ทองมีโอกาสขึ้นมูลค่าในระยะยาว
2. ทองไม่เสื่อมมูลค่า
3. คนทั่วไปเข้าถึงง่าย
4. สร้างวินัยทางการเงิน
แต่มุมที่ "เก็บเงินสด" หรือ "เงินในบัญชี" อาจดีกว่า ก็มีเช่นกัน
1. ทองไม่ใช่สินทรัพย์สภาพคล่องสูง
2. ราคาเหวี่ยงตามเศรษฐกิจโลก
ช่วงสั้น ๆ ราคาทองผันผวนสูงมาก ถ้าไม่เข้าใจจังหวะ อาจ “ขาดทุนทางใจ” ได้
3.ไม่มีดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนระหว่างถือ
ที่มา : สมาคมค้าทองคำ , KTC
อ่านข่าวหุ้น ข่าวทองคำ และ ข่าวการลงทุน และ การเงิน กับ Thairath Money ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/investment