ยุคที่การเปลี่ยนงานทุก 2–3 ปี กลายเป็นเรื่องปกติ การใช้ชีวิตที่คล่องตัวกลายเป็นคำตอบของคนเมืองรุ่นใหม่ บ้านหลังใหญ่ในชานเมืองอาจไม่ใช่ความฝันของคนวัยทำงานอีกต่อไป เมื่อหลายคนเลือก “อยู่เช่า” คอนโดมิเนียม ติดรถไฟฟ้า ใกล้แหล่งงาน แทนการผูกพันกับภาระระยะยาวอย่างสินเชื่อบ้าน
นั่นจึงทำให้ตลาด “คอนโดปล่อยเช่า” ยังเป็นโอกาสของนักลงทุน ขณะ บางโครงการดัง สามารถทำราคาปล่อยเช่าได้สูงถึง 250,000 บาทต่อเดือน และยังมีผู้เช่าพร้อมจะจ่าย!
สอดคล้องข้อมูลของ “โปรสเปค แอพเพรซัล” บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินราคาทรัพย์สิน โดย “ปริสุทธิ์ รอดจากภัย”เผยว่า แม้หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว จะกระทบต่อตลาดการปล่อยเช่าอาคารชุดพักอาศัย แต่ประเมินแล้ว คงเกิดขึ้นแค่ในระยะสั้นๆ
เพราะจากผลการสำรวจของ SCB EIC พบว่า คนใน Generation Y (อายุ 28-44 ปี) และคนใน Generation Z (อายุ 15-27 ปี) ซึ่งเป็นคนในวัยที่เพิ่งจะเริ่มทำงาน ชอบที่จะเช่ามากกว่าซื้อ เนื่องจากอาจจะมีการเปลี่ยนงาน และ ย้ายที่ทำงานบ่อย ประกอบกับรายได้ยังไม่เพียงพอที่จะซื้อที่อยู่อาศัย เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง การเช่าจึงเป็นทางเลือก
ดังนั้นการลงทุนซื้ออาคารชุดเพื่อปล่อยเช่า จึงยังเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุน เพียงแต่ต้องเลือกทำเลที่เหมาะสม อย่างทำเลที่ติดแนวรถไฟฟ้า เดินทางสะดวก และ ตรงกับความต้องการของตลาดโดยห้องชุดที่ได้รับความนิยมจะเป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ที่มีขนาด 30-60 ตารางเมตรต่อหน่วย
สำหรับ 5 ทำเลทองที่น่าสนใจนั้น ประกอบไปด้วย คลองเตย, วัฒนา, สาทร, ปทุมวัน และ บางรัก ซึ่งเป็นทำเลเด่น มีจำนวนอาคารชุดพักอาศัยมากที่สุด มีอัตราค่าเช่าอยู่ระหว่าง 40,000-150,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ 3-5% ต่อปี ขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง, ทำเลที่ตั้ง และบริการสาธารณูปโภคในโครงการ
แสดงให้เห็นว่า ผู้เช่าจะเลือกทำเลในการเช่าที่อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า และ ใกล้กับแหล่งงาน เพื่อให้สามารถเดินทางได้สะดวก และลดค่าใช้จ่ายเดินทาง จากผลการสำรวจพบว่าใน 5 ทำเลนี้ มีอัตราการเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 80-90% ของห้องชุดที่มีการปล่อยเช่า
สำหรับ 5 อาคารชุดที่มีราคาค่าเช่าสูงสุดจากการสำรวจทั้ง 211 โครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ ประกอบไปด้วย
อันดับ 1 : โครงการ “โฟรซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์” ที่พัฒนาโดย บริษัท คันทรี กรุ๊ป ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด บนถนนเจริญกรุง เขตสาทร ติดแม่น้ำเจ้าพระยา และ โครงการ “เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท สินธร เคมปินสกี้ “ ที่พัฒนาโดย บริษัท สยามสินธร จำกัด ทำเลหลังสวน เขตปทุมวัน มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยสูงสุดที่ 250,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ย 5% ต่อปี
อันดับ 2 : โครงการ “อมัน นายเลิศ เรสซิเดนเซส กรุงเทพ” พัฒนาโครงการโดย นายเลิศ ปาร์ค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด บนถนนวิทยุ เขตปทุมวัน และ “เดอะ เรสซิเดนเซส แอท วัน แบงค็อก” อาคาร 187 และ 189 พัฒนาโครงการโดย บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยสูงสุดที่ 200,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยที่ 4.8% ต่อปี
อันดับ 3 : โครงการ “สโคป หลังสวน” พัฒนาโดย บริษัท สโคป จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท เอส ซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ทำเลที่ตั้งที่ซอยหลังสวน เขตปทุมวัน ที่มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยที่ 150,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ย 3.06% ต่อปี
อันดับ 4 : โครงการ “คิว วัน สุขุมวิท” พัฒนาโครงการโดย บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) บนถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย ที่มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 130,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ย 3.06%
อันดับ 5 : โครงการ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ “ พัฒนาโดยบริษัท วันพ้อยซิกซ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด อยู่ในซอยสุขุมวิท 55 และ โครงการ “ลา ซิตต้า เดลเร่ ทองหล่อ 16” พัฒนาโดยบริษัท บริษัท หงษ์นคร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในซอยสุขุมวิท 24 ทั้งสองโครงการมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยที่ 80,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนโดยเฉลี่ยที่ 3.29% และ 3.84% ตามลำดับ
ที่มา : โปรสเปค แอพเพรซัล
อ่านข่าวหุ้น ข่าวทองคำ และ ข่าวการลงทุน และ การเงิน กับ Thairath Money ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney