เทศกาลแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองได้ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับหลายๆ คน อาจมาพร้อมกับความกังวลใจเรื่องเงินในกระเป๋าที่อาจโบยบินไปมากกว่าที่ตั้งใจไว้ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้
แต่การฟื้นตัวทางการเงินก็สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงแค่มีแผนและลงมือปฏิบัติอย่างตั้งใจ Thairath Money รวบรวม 5 วิธีเด็ด ที่จะช่วยให้สามารถฟื้นฟูสถานะทางการเงินหลังสงกรานต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำความเข้าใจว่าเงินมาจากไหนและถูกใช้ออกไปอย่างไร ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการควบคุมสถานการณ์ทางการเงิน หลายคนที่ใช้จ่ายเกินตัวในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น มักมีสาเหตุมาจากการขาดการติดตามและควบคุมค่าใช้จ่าย การวิเคราะห์กระแสเงินสดจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้และช่วยให้สามารถตัดสินใจทางการเงินได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น
สำหรับการติดตามรายรับรายจ่ายนั้น มีหลากหลายวิธีให้เลือกตามความสะดวกและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการจดบันทึกด้วยสมุดบันทึกธรรมดา หรือการใช้แอปพลิเคชันจัดการการเงินต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้การติดตามเป็นเรื่องง่าย
สิ่งสำคัญคือการบันทึกทุกบาททุกสตางค์ ไม่ว่าจะเป็นรายได้หรือค่าใช้จ่ายเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม การแบ่งหมวดหมู่ของค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน ก็จะช่วยให้เห็นภาพรวมได้ดียิ่งขึ้น การทบทวนงบนี้เป็นประจำจะช่วยให้สามารถระบุส่วนที่สามารถปรับลดการใช้จ่ายเพื่อเพิ่มเงินคงเหลือได้
การทำ "งบกระแสเงินสดส่วนบุคคล" ถือเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญในการวิเคราะห์การเงิน โดยเป็นรายงานสรุปรายรับและรายจ่ายในช่วงเวลาหนึ่ง เป้าหมายหลักของการทำงบกระแสเงินสดคือการมีกระแสเงินสดคงเหลือเป็นบวก ซึ่งหมายถึง “รายได้มากกว่ารายจ่าย”
เมื่อเข้าใจกระแสเงินสดของตนเองแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการบริหารจัดการเงินที่เหลืออยู่ "กฎ 50/30/20" เป็นหลักการง่ายๆ ที่ได้รับความนิยมในการจัดสรรงบประมาณ โดยแนะนำให้แบ่งรายได้หออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่
หลังจากการใช้จ่ายจำนวนมากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สัดส่วน 30% สำหรับ "ความต้องการ" อาจต้องมีการปรับลดลงชั่วคราว เพื่อให้สามารถฟื้นฟูสถานะทางการเงินได้เร็วขึ้น
สิ่งสำคัญคือการตระหนักว่ากฎ 50/30/20 นั้นมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์และความจำเป็นของแต่ละบุคคล แม้การปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการฟื้นตัวทางการเงินได้
นอกจากนี้ การแบ่งแยกระหว่าง "ความจำเป็น" และ "ความต้องการ" อาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้การพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากบางครั้งเส้นแบ่งก็ไม่ชัดเจน และที่สำคัญคือ ส่วน 20% สำหรับเงินออมนั้น ควรครอบคลุมทั้งเงินสำรองฉุกเฉินและการชำระหนี้ด้วย
หากคุณมีหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการใช้จ่ายในช่วงสงกรานต์ การวางแผนและจัดลำดับความสำคัญของการชำระหนี้เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ เริ่มต้นด้วยการประเมินและทำรายการหนี้สินทั้งหมดที่คุณมี ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือแม้แต่หนี้สินที่ไม่เป็นทางการ
การทำรายการควรระบุรายละเอียดของหนี้แต่ละก้อน เช่น ประเภทของหนี้ ยอดหนี้คงเหลือ อัตราดอกเบี้ย และยอดชำระขั้นต่ำ การมีรายการหนี้สินที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและสามารถวางแผนการชำระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์การชำระหนี้ มี 2 วิธีหลักๆ ที่ได้รับความนิยม คือ
1.วิธี "Debt Snowball" คือ การชำระหนี้ก้อนที่มียอดหนี้ต่ำที่สุดก่อน โดยไม่คำนึงถึงอัตราดอกเบี้ย ข้อดีของวิธีนี้คือจะช่วยสร้างกำลังใจและความรู้สึกประสบความสำเร็จได้เร็วเมื่อสามารถปิดหนี้ก้อนเล็กๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ข้อเสียคืออาจต้องเสียดอกเบี้ยโดยรวมมากขึ้นในระยะยาวหากหนี้ก้อนเล็กมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าหนี้ก้อนใหญ่
2.วิธี "Debt Avalanche" คือ การชำระหนี้ก้อนที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดก่อน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยโดยรวมและอาจช่วยให้ปลดหนี้ได้เร็วกว่า ข้อดีของวิธีนี้คือช่วยประหยัดเงินค่าดอกเบี้ยได้มากและอาจลดระยะเวลาการเป็นหนี้ได้ แต่ข้อเสียคืออาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ หากหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงสุดมีจำนวนเงินต้นที่สูงด้วย ทำให้ในช่วงแรกอาจรู้สึกท้อแท้ได้
เงินสำรองฉุกเฉิน คือ เงินที่เก็บไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เช่น การตกงาน เหตุเจ็บป่วย หรือค่าซ่อมรถ เงินส่วนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยลดความเครียดทางการเงินและป้องกันไม่ให้ต้องก่อหนี้เพิ่มเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
การมีเงินสำรองฉุกเฉินจะช่วยสร้างความมั่นคงและความสบายใจในชีวิต ซึ่งอาจถูกนำไปใช้จ่ายในช่วงสงกรานต์ ทำให้ต้องเร่งเติมเงินสำรองให้กลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม
จำนวนเงินสำรองฉุกเฉินที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล โดยนักวางแผนการเงิน มักแนะนำว่าสำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้แน่นอน ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อเดือน และสำหรับผู้ที่ทำงานอิสระหรือมีรายได้ไม่แน่นอน ควรมีเงินสำรองเผื่อไว้ 6-12 เท่า สิ่งสำคัญคือการคำนวณจากค่าใช้จ่ายรายเดือนของตนเอง
สำหรับวิธีเร่งเติมเงินสำรองฉุกเฉินหลังการใช้จ่ายจำนวนมากในช่วงสงกรานต์ สามารถทำได้โดยตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจน พร้อมกำหนดระยะเวลา ตั้งระบบการออมอัตโนมัติ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และเพิ่มบัญชีเงินออมฉุกเฉินโดยเฉพาะ
อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณฟื้นตัวทางการเงินได้เร็วขึ้นหลังสงกรานต์คือการหารายได้เสริม ลองสำรวจทักษะและความสนใจของคุณที่อาจสามารถนำมาสร้างรายได้เพิ่มเติมได้ การเปลี่ยนสิ่งที่ชอบให้กลายเป็นรายได้ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
แนวทางการสร้างรายได้เสริมที่ได้รับความนิยมมีหลากหลาย ทั้งงานออนไลน์และงานออฟไลน์ นอกจากนี้ การสร้างรายได้แบบ Passive Income ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในระยะยาว
เช่น การลงทุนในหุ้นหรือกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผล ซึ่งแม้ว่าอาจต้องมีการลงทุนหรือใช้ความพยายามในช่วงแรก แต่รายได้เหล่านี้จะเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องทำงานตลอดเวลา
การฟื้นตัวทางการเงินหลังเทศกาลสงกรานต์ไม่ใช่เรื่องยาก หากเริ่มจากการวิเคราะห์กระแสเงินสด วางแผนการใช้จ่ายตามกฎ 50/30/20 จัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ เติมเงินสำรองฉุกเฉิน และมองหาโอกาสเพิ่มรายได้ แนวทางเหล่านี้จะช่วยให้กลับมามีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น และสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคงยิ่งขึ้น
อ่านข่าวกับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้