ทำไม “คนรวย”บางคน เสียภาษีน้อยกว่า มนุษย์เงินเดือน “รวยแล้วรวยอีก” ส่งต่อความมั่งคั่งไม่รู้จบ

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทำไม “คนรวย”บางคน เสียภาษีน้อยกว่า มนุษย์เงินเดือน “รวยแล้วรวยอีก” ส่งต่อความมั่งคั่งไม่รู้จบ

Date Time: 26 มี.ค. 2568 12:17 น.

Video

อธิบายทีเดียวว่า ทำไมฟองสบู่ AI จะไม่แตกซ้ำรอยดอทคอม? | Digital Frontiers EP.51

Summary

ทำไม “คนรวย”บางคน เสียภาษีน้อยกว่า มนุษย์เงินเดือน “รวยแล้วรวยอีก” เทคนิคการส่งต่อความมั่งคั่ง การวางแผนภาษีอย่างดุดัน ที่คนทั่วไปอาจไม่รู้

เคยสงสัยกันไหม? ว่าทำไม “คนรวย” ถึงยิ่งรวยขึ้น ในขณะที่คนทั่วไป หรือ มนุษย์เงินเดือน ยังคงต้องดิ้นรนรายวัน นอกจากคนรวยเหล่านั้น มีเงินทองมากมาย ต่อยอด ใช้เงินทำงานแทนแรง สร้างโอกาส เพิ่มพูนความมั่นคั่งไม่รู้จบ ส่งต่อรุ่นต่อรุ่น

ประเด็น พื้นฐานจากความแตกต่างในระบบภาษี และการวางแผนจัดการเงินอย่างชาญฉลาด ระหว่างคนรวยและคนทั่วไป ก็เป็นอีกเรื่องที่อาจตอบคำถามในเรื่องนี้ได้เหมือนกัน 

จนมีคำกล่าวที่ว่า “คนรวยบางคน อาจเสียภาษีต่ำกว่าคนเงินเดือน 50,000 บาท เสียด้วยซ้ำ” แล้วทำไม คนรวยถึงเสียภาษีน้อยกว่า 

เพราะไทยมีอัตราภาษีไม่เท่ากัน 

ระบบภาษีของประเทศไทย มีอัตราภาษีที่ขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้ เช่น 

  • รายได้จากเงินเดือน
  • รายได้จากการลงทุน
  • รายได้จากธุรกิจต่างๆ 

สำหรับ คนที่มีรายได้จากเงินเดือน (เช่น มนุษย์เงินเดือน) จะเสียภาษีตามอัตราที่กำหนดในแต่ละช่วงรายได้ 

0-150,000 บาทแรก ไม่เสียภาษี

150,001 - 300,000 บาท เสีย 5% 

300,001 - 500,000 บาท เสีย 10% 

500,001 – 750,000 บาท เสีย 15%

750,001 – 1,000,000 บาท เสีย 20%

1,000,001 – 2,000,000 บาท เสีย 25%

2,000,001 – 5,000,000 บาท เสีย 30%

รายได้สุทธิ 5,000,001 บาทขึ้นไป เสีย 35%

ส่วนคนที่มีรายได้จากการลงทุน (เช่น การลงทุนในหุ้น, อสังหาริมทรัพย์) อาจได้รับประโยชน์จากการยกเว้นภาษีบางประเภทหรือใช้กลยุทธ์ลดภาษีที่มีอยู่ในระบบมากมาย 

แล้วคนรวยเสียภาษีน้อยกว่าได้ยังไง?

ต้องเข้าใจก่อนว่า “คนรวย” ไม่ได้รับรายได้จากเงินเดือน เหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไป และยังสามารถ สร้างโครงสร้างรายได้ ให้เสียภาษีน้อยที่สุดได้ เช่น การรับเงินเป็น "กำไรจากการลงทุน" 

ยกตัวอย่าง ถ้าคนรวยมีหุ้นและขายหุ้นได้กำไร 1,000,000 บาท

ในอดีตไทย ไม่มีภาษีกำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

ดังนั้น เสียภาษี = 0 บาท

เทียบกับคนเงินเดือน 50,000 บาท ที่เสียภาษี ตามอัตราภาษีก้าวหน้าของไทย แบบไม่มีค่าลดหย่อนอื่นๆ เงินได้ 600,000 บาท/ปี  อาจต้องเสียภาษีถึง 15% จะเห็นได้ว่า คนรวยที่ทำเงินจากหุ้นเสียภาษีน้อยกว่าจริง

อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน มีการนำ ภาษีขายหุ้น (Financial Transaction Tax - FTT) ซึ่งเป็นหนึ่งในหมวดหมู่ของภาษีธุรกิจเฉพาะ มาใช้ โดยในปี 2567 อัตราภาษีนี้อยู่ที่ 0.11% ของมูลค่าการขายหลักทรัพย์ทั้งหมด คล้ายเป็นค่าธรรมเนียมการซื้อขาย แต่สำหรับนักลงทุนบุคคลธรรมดาจะยังคงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

นอกจากนี้ ลึกลงไป คนรวย ยังมีแนวทางการจัดการรายได้หลายแบบ ทำให้โอกาสในการ “เสียภาษี” น้อยลงได้ แถมยังไม่ผิดต่อข้อกฎหมาย  ขณะที่บางคน มีการวางแผนภาษีแบบดุดัน (Aggressive tax planning) รัดกุมสุดๆ โดยที่กฎหมายก็เอาผิดไม่ได้เช่นกัน 

คล้ายกรณี นายกฯกับภาษี ที่เป็นประเด็นร้อนทางการเมืองและสังคมไทย อยู่ในขณะนี้ โดย ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี ออกมาให้ข้อมูลและแง่มุมชวนคิดว่า แม้กฎหมายจะกำหนดให้คนไทยมีหน้าที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่มีกฎหมายข้อไหนบังคับให้ต้องเสียภาษีแพงที่สุดเท่าที่จะเสียได้  

การเลือกหนทางที่ทำให้ตัวเองเสียภาษีน้อยที่สุด ย่อมเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ทราบเท่าที่เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนกรมสรรพากร ออกมาชี้แจง ว่า ท้ายที่สุดแล้ว แม้นายกฯและครอบครัว ทำธุรกรรม ผ่านการออกตั๋ว P/N แต่เมื่อนายกฯ จ่ายเงินแล้ว ผู้ขายจะต้องยื่นแบบฯ ในปี 2570 ในประเภทเงินได้ เกินกว่าที่ลงทุน (Capital Gains)

กลับมาที่ แนวทางการจัดการภาษีของคนรวย ยังมีหลายวิธีการ เช่น การใช้บริษัทเป็นตัวรับรายได้แทนบุคคล ถ้าคนรวยทำธุรกิจส่วนตัว อาจตั้งบริษัทขึ้นมา แล้วให้บริษัทเป็นคนรับเงิน

โดยภาษีนิติบุคคลอยู่ที่ 20% ซึ่งบางกรณีอาจถูกกว่าภาษีบุคคลธรรมดาที่สูงสุดถึง 35% และถ้าใช้ ค่าใช้จ่ายบริษัทหักภาษีได้ นั่นก็อาจทำให้เงินที่เหลือเสียภาษีน้อยลงไปอีก 

นอกจากนี้ ยังมีช่อง การกู้เงินแทนการรับเงิน  ,คนรวยถือสินทรัพย์ เช่น หุ้น ที่ดิน แต่ ไม่ขาย หรือ การเอาหุ้นไป ค่ำประกันกู้เงิน มาใช้จ่ายแทน 

ตัวอย่างอันโด่งดังระดับโลก อย่างกรณี “เจฟฟ์ เบซอส”ผู้ก่อตั้งแอมะซอน ที่รับเงินเดือนเพียง 2 แสนบาท และการกู้เงินโดยมีหุ้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้เขาสามารถเข้าถึงความมั่งคั่ง โดยไม่ต้องเสียภาษีเงินได้จำนวนมากในบางปี จนถูกหยิบยก ว่านี่เป็นเทคนิคการลดละเลี่ยงการจ่ายภาษีเงินได้ แบบเหนือชั้น 

ขณะในไทย เจ้าสัว หรือ เจ้าของบางธุรกิจ ก็อาจเสียภาษีน้อยกว่ามนุษย์เงินเดือน เพราะรับเงินเดือนต่ำ (เพื่อลดภาษีบุคคลธรรมดา)และใช้ เงินปันผล (Dividend) ซึ่งเสียภาษีแค่ 10% แทนเทียบกับมนุษย์เงินเดือนที่อาจต้องเสียภาษีสูงสุดถึง 35% 

เคล็ดลับส่งต่อความร่ำรวย ที่คนทั่วไป ทำไม่ได้ 

การจัดการทรัพย์สินผ่านทายาทเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีมรดก ยังเป็นอีกเหตุผล ที่ทำให้คนรวยสามารถรักษาความร่ำรวยได้โดยไม่ต้องจ่ายภาษีในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับคนทั่วไป 

พวกเขาเหล่านั้น สามารถถ่ายทอดทรัพย์สินและความมั่งคั่งให้กับทายาทหรือทายาทรุ่นต่อไปโดยใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ (เช่น มรดก, ทรัสต์, การถือครองหุ้นในบริษัทต่างๆ

ซึ่งจะว่าไปแล้ว การดำเนินการวางแผนภาษีเหล่านี้ ล้วนเป็นไปอย่างถูกกฎหมาย (Tax Avoidance) และแตกต่างจากการหลีกเลี่ยงภาษี (Tax Evasion) ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย 

ที่สำคัญ การส่งต่อความร่ำรวย อาจไม่ได้หมายถึงเพียงแค่การย้ายทรัพย์สิน แต่ยังหมายถึงการมีโอกาสในการเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินและการลงทุนที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ คนที่มีฐานะดีมักจะมีความสามารถในการลงทุนในกิจการที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น หุ้น, อสังหาริมทรัพย์, หรือธุรกิจเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความร่ำรวยได้อย่างต่อเนื่อง ไม่รู้จบนั่นเอง 

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ