
ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนี SET index ปรับตัวลดลงอย่างหนักนับตั้งแต่ต้นปี 2568 จากปัจจัยหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า กระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลออก ทำให้นักลงทุนไทยเริ่มรู้สึกถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการลงทุนแค่ในตลาดหุ้นไทย
และเมื่อตลาดผันผวนมากขึ้น "การกระจายความเสี่ยง" จึงกลายเป็นแนวทางสำคัญที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ ซึ่งการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนตลาดหุ้นไทยเพียงอย่างเดียว และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นได้
แต่การลงทุนใน “หุ้นต่างประเทศ” โดยตรงอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เช่น ต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือแม้แต่การแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ซึ่งมีขั้นตอนซับซ้อน
แล้วถ้าอยากลงทุนหุ้นต่างประเทศ จะทำได้อย่างไร? คำตอบที่ง่ายที่สุดคือ ลงทุนผ่าน “DR หรือ Depositary Receipt”
DR หรือ ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถซื้อขายหุ้นต่างประเทศได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยไม่ต้องเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ซึ่ง DR ทำหน้าที่เป็น “ตัวแทนของหุ้นจริง” ในต่างประเทศ และซื้อขายได้ด้วยสกุลเงินบาท
ปัจจุบัน DR ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย มีทั้งหุ้นรายตัวของบริษัทขนาดใหญ่และมีชื่อเสียง รวมถึง ETF ต่างประเทศ จำนวน 54 หลักทรัพย์ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น เช่น
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างปรับเกณฑ์ในการดึง Fractional DR (DRx) ให้สามารถซื้อขายได้บนกระดานเทรดเดียวกัน และขยายเวลาจนถึงเวลา 03.00 น. คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ในเดือนพฤษภาคม 2568
โดย DRx ปัจจุบันมีจำนวน 19 หลักทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นหุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ เช่น Nvidia (NVDA80X), Tesla (TSLA80X), Apple (AAPL80X), Microsoft (MSFT80) เป็นต้น
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จํากัด ชี้ให้เห็นถึงเหตุผลสำคัญที่ทำให้ DR และ DRx กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของนักลงทุนไทยในการลงทุนหุ้นต่างประเทศไว้ ดังนี้
1. สะดวกใช้บัญชีหุ้นไทยลงทุนต่างประเทศได้ทันที
นักลงทุนสามารถใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีอยู่แล้วกับโบรกเกอร์ในไทย เพื่อซื้อขาย DR/DRx ได้ทันที โดยไม่ต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศใหม่ ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการดำเนินการและเอกสารต่างๆ
2. ซื้อขายด้วยสกุลเงินบาทไทย
สามารถซื้อขายด้วยเงินบาท โดยไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ทำให้ไม่มีภาระเรื่องการโอนเงินระหว่างประเทศหรือเสียค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนในขั้นตอนการซื้อขาย
3. กำไรจากส่วนต่างราคาได้รับยกเว้นภาษี
กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) ที่เกิดจากการซื้อขาย DR/DRx ได้รับการยกเว้นภาษีเช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้นไทย ต่างจากการลงทุนในหุ้นต่างประเทศโดยตรงที่กำไรจะถูกนำมาคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งอาจมีอัตราสูงสุดถึง 35%
4. เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินน้อย
สำหรับ DR สามารถเริ่มซื้อขายได้ด้วยขั้นต่ำเพียง 1 หน่วย และสำหรับ DRx ยังสามารถซื้อขายเป็นเศษส่วนได้ด้วยขั้นต่ำเพียง 0.0001 หน่วย ทำให้นักลงทุนที่มีเงินลงทุนจำกัดสามารถเข้าถึงหุ้นต่างประเทศที่มีมูลค่าสูง เช่น Tesla, Google หรือ Amazon ได้ง่ายขึ้น
5. ช่วยกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปยังต่างประเทศ
การลงทุนใน DR/DRx ช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถกระจายการลงทุนไปยังบริษัทชั้นนำในต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนที่อาจเกิดจากการถือครองสินทรัพย์ในประเทศเพียงอย่างเดียว และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในหุ้นหรือ ETF ต่างประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
อย่างไรก็ตาม แม้ DR/DRx จะมีข้อดีหลายประการ แต่นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้