เงิน 9,000 บาท/ปี ถ้าไม่ต้องจ่าย “ประกันสังคม” เอาไปทำอะไรได้บ้าง?

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เงิน 9,000 บาท/ปี ถ้าไม่ต้องจ่าย “ประกันสังคม” เอาไปทำอะไรได้บ้าง?

Date Time: 24 ก.พ. 2568 15:54 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

เปิดไอเดีย แนวทางลงทุน เพื่อพัฒนาตัวเอง และ สร้างผลตอบแทนทางการเงินระยะยาว จากเงิน 9,000 บาท/ปี ถ้าไม่ต้องจ่าย “ประกันสังคม” เอาไปทำอะไรได้บ้าง?

ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรง สำหรับข่าวดราม่าประกันสังคม จากกรณีผู้บริหารระดับสูงบินเฟิร์สคลาส ใช้จ่ายงบโดยใช่เหตุ จนนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกองทุนประกันสังคม

ในรูปแบบองค์กรอิสระ ออกจากหน่วยงานราชการ เพื่อให้การบริหารกองทุน ซึ่งถือเป็น 1 ในหลักประกันคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงานกว่า 25 ล้านคนให้มีประสิทธิภาพ มีความคล่องตัว โปร่งใส และมีธรรมาภิบาลมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ในหมู่ผู้ประกันตน ก็เริ่มมีการเรียกร้องยกเลิกการบังคับออมผ่านประกันสังคม ที่ส่วนใหญ่จะถูกเรียกหักเดือนละ 750 บาท สัดส่วน 5% ตามฐานเงินเดือน (สูงสุดไม่เกิน 15,000) เช่น ถ้าคนเงินเดือน 10,000 บาท จะส่งถูกหักเพียง 500 บาท โดยนายจ้างและรัฐจะส่งสมทบเพิ่มอีกตามสัดส่วน

  • ผู้ประกันตนส่ง 750 บาท
  • นายจ้างช่วยสมทบ 750 บาท
  • รัฐบาลช่วยสมทบ 412.5 บาท

รวมแล้วเดือนละ 1,912.5 บาท เข้ากองทุน

เพื่อใช้เป็นกองทุนสำหรับการจ่ายเป็นสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับผู้ที่ประสบเหตุในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย, ทุพพลภาพ, ว่างงาน, เสียชีวิต, คลอดบุตร เรื่อยไปจนถึงบำนาญชราภาพ

อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์ต่างๆ นำมาซึ่งคำถามว่าการจ่ายไป 750 บาท/เดือน ของผู้ใช้แรงงานคุ้มค่าหรือไม่? เมื่อสิทธิที่ได้ใช้เป็นการทั่วไป อาจเป็นเพียงการทำฟันปีละ 900 บาท ซึ่งไม่ครอบคลุมค่าบริการต่อครั้งด้วยซ้ำ

มีการนำไปเปรียบเทียบกับสิทธิบัตรทอง ที่ดูเหมือนให้การเข้าถึงบริการรักษาที่มากกว่าสิทธิประกันสังคม และบางส่วนถึงขั้นเรียกร้องให้รัฐยกเลิกการบังคับเก็บเงิน 9,000 บาท/ปี ส่งเข้ากองทุน เพื่อนำไปเป็นทางเลือกอื่นๆ ต่อการยกระดับชีวิตของตนเองดีกว่า

กลายเป็นคำถามชวนคิด ถ้าเราไม่ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมได้จริง เงิน 9,000 บาท/ปี นั้นมีค่าอย่างไรบ้าง? ไม่ว่าจะใช้ไปกับการลงทุน สร้างผลตอบแทนในอนาคต, การสร้างรายได้เสริม หรือการดูแลสุขภาพที่คัดกรองเองได้ ดังนี้

1. การลงทุนในกองทุนรวม

การนำเงิน 9,000 บาท ไปลงทุนในกองทุนรวม เนื่องจากกองทุนรวมสามารถช่วยให้เงินเติบโตในระยะยาวได้ และยังมีตัวเลือกหลายแบบให้เลือกลงทุน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ซึ่งโดยทั่วไป ผลตอบแทนจากกองทุนรวมอาจมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุนที่เลือกลงทุน แต่โดยทั่วไปแล้ว ค่าผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของกองทุนรวมจะอยู่ที่ประมาณ 5%-8% ต่อปีในระยะยาว (ระยะเวลาหลายปี) สำหรับกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับปานกลาง เช่น กองทุนหุ้น หรือกองทุนผสม เช่น

  • กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Funds)
    เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากเสี่ยงมาก เน้นความปลอดภัย เช่น กองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้บริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำ
  • ผลตอบแทนค่อนข้างคงที่ แต่ก็ต่ำกว่ากองทุนประเภทอื่น เช่น 2%-5% ต่อปี

กองทุนรวมหุ้น (Equity Funds)

  • เหมาะสำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง และต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว
  • ผลตอบแทนอาจสูงถึง 10%-15% ต่อปี แต่ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย เพราะราคาหุ้นอาจผันผวนมาก


กองทุนรวมผสม (Mixed Funds)

  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเสี่ยงปานกลาง เนื่องจากจะมีการลงทุนในทั้งหุ้นและตราสารหนี้
  • ผลตอบแทนจะอยู่ในช่วง 5%-8% ต่อปี ขึ้นอยู่กับการกระจายการลงทุนในแต่ละประเภท


กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REITs)

  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยที่ไม่ต้องซื้ออสังหาริมทรัพย์เอง
  • ผลตอบแทนอยู่ประมาณ 5%-7% ต่อปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์

กองทุนรวมต่างประเทศ (Global Funds)

  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นที่มีศักยภาพสูง เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐหรือหุ้นในประเทศกำลังพัฒนา
  • ผลตอบแทนอาจสูงหรือต่ำกว่าตามแต่สภาพเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ

2. การสร้างแหล่งรายได้เสริม

ใช้เงิน 9,000 บาทเพื่อเปิดธุรกิจเล็ก ๆ เช่น ร้านค้าออนไลน์ หรือการทำผลิตภัณฑ์ขายในช่องทางออนไลน์ เช่น ทำขนมหรืออาหารเล็กๆ ขาย อย่าง ขนมปัง, เค้ก, น้ำผลไม้, หรืออาหารว่างที่ทานง่าย

ตัวอย่างต้นทุน

  • ค่าวัตถุดิบในการทำขนม/อาหาร: 3,000-4,000 บาท
  • ค่าอุปกรณ์ที่จำเป็น (เช่น เตาอบ, หม้อทอด, ถาด, บรรจุภัณฑ์): 2,000-3,000 บาท
  • ค่าการตลาด (เช่น โฆษณาบน Facebook หรือการส่งโปรโมชัน): 500-1,000 บาท

3. เป็นต้นทุนทำงานฟรีแลนซ์ (Freelance)

โดยเงิน 9,000 บาท สามารถนำไปลงทุนในเครื่องมือหรือหลักสูตรที่ช่วยพัฒนาทักษะ เช่น กราฟิกดีไซน์, การเขียนเนื้อหา, การถ่ายภาพ, หรือการทำเว็บไซต์

ตัวอย่างต้นทุน

  • ค่าสมัครแพลตฟอร์มฟรีแลนซ์ (เช่น Upwork, Fiverr): 0-1,000 บาท (บางแพลตฟอร์มอาจจะมีค่าธรรมเนียม)
  • ค่าหลักสูตรหรือการเรียนรู้ (หากต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติม): 3,000-5,000 บาท
  • ค่าซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือ (เช่น Adobe Photoshop, Canva, หรือเครื่องมือที่ใช้ในการทำงาน): 1,000-2,000 บาท

4. การเดินทางและประสบการณ์

เงิน 9,000 บาทสามารถนำไปใช้ในการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น การเดินทางไปจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งสามารถสร้างประสบการณ์และความทรงจำที่มีค่ากับตนเองและครอบครัวได้

หรือจะใช้เงินไปกับการทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดการเรียนรู้หรือการพัฒนาตนเอง เช่น การเข้าคอร์สเวิร์กช็อปหรือสัมมนา ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

5. การทำประกันภัยส่วนตัว

หากไม่ส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคม สามารถใช้เงินนี้ในการซื้อประกันสุขภาพหรือประกันอุบัติเหตุที่ให้ความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง ซึ่งเบื้องต้น เงิน 9,000 บาท อาจพอสำหรับการเลือกซื้อประกันสุขภาพที่มีคุ้มครองจำกัด เช่น ประกันสุขภาพในกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง หรือประกันสุขภาพที่มีค่าเบี้ยประกันถูก (แบบเบี้ยประกันต่ำ)

ตัวอย่างประกันสุขภาพในงบประมาณนี้

  • ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนบางแห่ง
  • ประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลสำหรับโรคทั่วไป หรือค่าห้องในโรงพยาบาลที่มีการจำกัดระดับของห้อง
  • ประกันที่มีเงินคุ้มครองจำกัดในกรณีที่ต้องใช้ห้องพักหรือค่ารักษาพยาบาลต่างๆ

6. ลงทุนเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ

ปัจจุบัน คอร์สเรียนออนไลน์ที่ช่วยพัฒนาทักษะใหม่ ในราคาไม่ถึง 9,000 บาท มีมากมายและหลากหลาย เช่น คอร์สเรียนด้านการตลาดดิจิทัล, การพัฒนาตนเอง, หรือทักษะที่เกี่ยวกับธุรกิจที่กำลังเติบโต

ตัวอย่างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่น่าสนใจ อย่าง Udemy, Coursera, Skillshare ที่มีราคาไม่สูง และสามารถลงทุนระยะยาวในทักษะที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองได้

7. การลงทุนในคริปโต (Cryptocurrency)

อาจเป็นทางเลือกสำหรับคนที่รองรับความเสี่ยงได้สูง และต้องการลองลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ก็สามารถใช้เงิน 9,000 บาทไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภทที่มีราคาต่ำ เช่น Bitcoin หรือ Ethereum ที่สามารถซื้อเป็นสัดส่วน (fractional investment) เพื่อเริ่มต้นได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ค่าธรรมเนียมการซื้อขายและความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา นี่เป็นสิ่งที่เราอาจต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมากที่สุด

อ่านข่าวหุ้น ข่าวทองคำ และ ข่าวการลงทุน และ การเงิน กับ Thairath Money ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/investment 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ