5 วิธี จัดการ “หนี้บัตรเครดิต” ภัยร้าย ดอกทบต้น เมื่อมัวแต่ “จ่ายขั้นต่ำ”

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

    5 วิธี จัดการ “หนี้บัตรเครดิต” ภัยร้าย ดอกทบต้น เมื่อมัวแต่ “จ่ายขั้นต่ำ”

    Date Time: 23 ก.ย. 2566 11:35 น.

    Video

    อย่ากลัว! วิกฤติใหญ่ยังไม่เกิด หาโอกาสลงทุน กับ กวี ชูกิจเกษม | Thairath Money Night Stand EP.21

    Summary

    เปิด 5 วิธี จัดการ “หนี้บัตรเครดิต” ดอกเบี้ยโหด 16-18% ต่อปีภัยร้ายของการใช้จ่ายแบบไม่ทันคิด อาจเจอภาวะ “ดอกทบต้น” เมื่อมัวแต่ “จ่ายขั้นต่ำ” ขณะปีหน้า อัตราผ่านจ่ายขั้นต่ำ เตรียมขยับเป็น 8% แนะ รวบหนี้เป็นก้อนเดียวเพื่อรีไฟแนนซ์ เป็น 1 ในทางออก

    Latest


    รู้หรือไม่? หนี้บัตรเครดิต มีดอกเบี้ยสูงถึง 16-18% ต่อปี และถูกคำนวณเป็นรายวัน นั่นทำกับ หากใคร รูดบัตร ใช้จ่ายเพลิดเพลิน แบบไม่ทันคิด เมื่อถึงงวดชำระ ก็เอาแต่ “จ่ายขั้นต่ำ” คุณอาจกำลังจะเจอกับ ดอกเบี้ยหฤโหด ในระยะข้างหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

    ความน่ากังวล ยังมาจาก หนี้บัตรเครดิตกำลังจะเดือดกว่าเดิม เพราะในปี 2567 อัตราผ่อนจ่ายขั้นต่ำ กำลังจะปรับขึ้นเป็น 8% และเป็น 10% ในปี 2568 อาจทำให้ คนที่ใช้บัตรเครดิต ด้วยวินัยการเงินที่บกพร่อง เป็นหนี้ไม่รู้จบเพราะเงินต้นอาจไม่พร่องลงเลย หรือ “ยิ่งจ่าย ยิ่งเป็นหนี้เพิ่ม” บ้างจ่ายหนี้ยาวนาน จนดอกเบี้ยทบต้นสองก้อน 

    ข้อมูลจาก HealthyLiving อลิอันซ์อยุธยา เปิดถึงหลักการ “คำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิต” ให้เห็นความน่าสะพรึง ว่า การจ่ายขั้นต่ำ เป็นเรื่องที่ต้องระวังมากที่สุด ในการใช้บัตรเครดิต เพราะ ดอกเบี้ยก้อนแรก จะถูกคำนวณ จากยอดทั้งหมดที่รูดใช้จ่ายไป โดยดอกเบี้ยจะถูกคิดเป็นรายวัน นับจากวันที่บันทึกรายการไปถึงวันที่สรุปยอดค่าใช้จ่าย และดอกเบี้ยก้อนที่สอง ถูกคำนวณจากยอดคงค้าง หรือ เงินต้นคงเหลือ หลังจากการจ่ายขั้นต่ำของเรา นับจากวันที่จ่ายขั้นต่ำ ไปจนถึงวันครบกำหนดชำระในรอบถัดไป 

    5 วิธี จัดการหนี้ บัตรเครดิต 

    ทั้งนี้ เมื่อเห็นความโหดร้ายของ “ดอกเบี้ยบัตรเครดิต” แล้ว คงจะต้องใช้กันอย่างมีสติมากขึ้น และสำคัญสุด คือ การบริหารจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่าน 5 วิธี จัดการหนี้บัตรเครดิต ดังนี้ 

    1. เมื่อเป็นหนี้ สิ่งที่ควรทำ คือ ยอมรับว่าเป็นหนี้และเอาหนี้ทั้งหมดที่มีมากางดูให้เห็นจำนวนทั้งหมดชัดๆ ทั้งยอดคงค้าง ดอกเบี้ย และยอดชำระขั้นต่ำต่อเดือนที่จ่ายไหว โดยให้เร่งปิดหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงก่อน หรือ บรรเทาด้วยการจ่ายมากที่สุดเท่าที่ไหว ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยเริ่มต้นมองหาความเป็นไปได้อื่นๆ ที่จะชำระหนี้หรือขอผ่อนผันต่อไป
    2. รีบเจรจากับธนาคารเจ้าของบัตร อย่ากลัวที่จะเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือจากธนาคารที่คุณเป็นหนี้ รีบเข้าไปเจรจา อาจขอหยุดจ่ายหรือยืดการผ่อนออกไปก่อน ชื่งธนาคารสามารถช่วยเราปรับโครงสร้างหนี้ได้ ทั้งรูปแบบการขยายระยะเวลาผ่อนชำระ ลดอัตราดอกเบี้ย หยุดการคิดอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว ลดหนี้ค้างชำระบางส่วน โดยธนาคารจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม
    3. รวบหนี้เป็นก้อนเดียวเพื่อรีไฟแนนซ์ หลังจากเห็นยอดรวมหนี้ทั้งหมด อาจใช้วิธีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ซึ่งเป็นการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวเพื่อยื่นขอสินเชื่อส่วนบุคคลกับสถาบันการเงิน ทางเลือกนี้จะช่วยทำให้การชำระหนี้ของเรามีประสิทธภาพมากขึ้น ส่วนจะเลือกสถาบันการเงินแห่งใดก็ควรเปรียบเทียบเงื่อนไข อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาในการชำระเงิน รวมถึงค่าใช้จ่ายแฝงที่มากับบริการของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง และเลือกที่เหมาะกับเราที่สุด
    4. หนี้ยอดค้างจ่ายมากกว่า 120 วัน ปรึกษาคลินิกแก้หนี้ หนทางนี้สำหรับคนที่ค้างชำระหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล มากกว่า 120 วัน จะถูกจัดเป็นสถานะ หนี้เสีย ซึ่งกลุ่มนี้สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM (กดสมัครแก้หนี้) เพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ อายุไม่เกิน 70 ปี และเป็นหนี้รวมไม่เกิน 2 ล้านบาท นอกจากโครงการนี้จะชวนกันมาแก้หนี้แล้ว ยังสนับสนุนการเรียนรู้การวางแผนการเงินเพื่อไม่ให้เป็นหนี้อีกในอนาคต
    5. รูดอย่างมีสติ ใช้จ่ายเมื่อจำเป็น ไม่สร้างหนี้ใหม่! รอดพ้นจากหนี้รอบนี้แล้ว อย่าลืมวางแผนการเงินให้ดี เพื่อไม่ให้กลับไปเป็นหนี้อีก อาจเริ่มจากปิดบัตรเครดิตที่ถืออยู่หลายใบจนเกินความจำเป็น เพื่อไม่เพิ่มโอกาสในการใช้จ่าย และตอกย้ำ ว่าควรรูดบัตรอย่างมีสติให้มากกว่าที่ผ่านมา 

    Author

    กองบรรณาธิการ

    กองบรรณาธิการ